ประท้วงนโยบายผู้อพยพทั่วสหรัฐฯ
ผู้ประท้วงนับแสนคนเดินขบวนในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ กลับลำนโยบายคุมเข้มผู้อพยพที่มีการพรากเด็กๆ จากพ่อแม่ที่พรมแดนเม็กซิโก และทำให้ทางกองทัพต้องจัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อกักตัวผู้อพยพ
ข้างนอกทำเนียบขาว ผู้ประท้วงถือป้าย “ ครอบครัวอยู่ด้วยกัน ” และพากันตะโกนว่า “น่าละอาย” โดยผู้นำทางศาสนาและนักเคลื่อนไหวหนุนให้รัฐบาลต้อนรับคนต่างชาติและจัดการให้ครอบครัวผู้อพยพที่ถูกพรากกลับมารวมกัน
“ วิธีที่พวกเขาปฏิบัติกับครอบครัวของผู้อพยพ มันไม่ใช่อเมริกาเลย ” Aneice Germain ผู้ประท้วงตำหนิจุดยืนที่เข้มงวดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีต่อผู้อพยพ ซึ่งเป็นประเด็นหลักของแคมเปญหาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของเขาเมื่อปี 2559 โดยในเวลาเดียวกับที่มีการประท้วง ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางออกจากเมืองไปที่กอล์ฟคลับในเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์
ทรัมป์ระบุว่า การอพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรม และเขาบังคับใช้นโยบาย ‘ ความอดทนเป็นศูนย์ ’ ในเดือนพ.ค.เพื่อปราบปรามการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด ทำให้มีการพรากเด็กๆมากกว่า 2,000 คนจากพ่อแม่ของพวกเขา ทำให้ชาวอเมริกันที่ทราบข่าวเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงในเดือนนี้ รวมถึงพันธมิตรจากพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีเองด้วย
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งเพื่อไม่ให้มีการพรากครอบครัวผู้อพยพออกจากกันในระหว่างการกักตัวอีก ถือเป็นการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากในประเด็นที่ทำให้ฐานเสียงรีพับลิกันไม่พอใจ
โดยผู้ประท้วงหลายพันคนในนิวยอร์กเดินขบวนข้ามสะพานบรู๊กลินโดยถือป้ายพร้อมสโลแกนอย่าง “ ทำให้อเมริกาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ” และ “ เราต้อนรับผู้อพยพ” ขณะที่บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ผู้ประท้วงพากันปิดกั้นสะพานที่เชื่อมระหว่างเอล พาโซ รัฐเท็กซัสกับ Ciudad Juarez ในเม็กซิโก
ในชิคาโก ชาวอเมริกันหลายพันคนเดินขบวนไปที่สำนักอพยพเข้าเมืองกลาง “ ฉันมาที่นี่ เพราะครอบครัวต้องอยู่ด้วยกัน ” Cindy Curry จากเวสต์เชสเตอร์ รัฐอิลลินอยส์ ผู้พิพากษากลางมีคำสั่งให้ครอบครัวต้องอยู่พร้อมหน้ากัน และรัฐบาลร้องขอให้ทางกองทัพจัดหาที่พักพิงให้กับครอบครัวผู้อพยพ มีผลให้กระทรวงกลาโหมต้องใคร่ครวญเรื่องการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านจิตใจของแคมป์
ผู้ประสานงานการประท้วงครั้งนี้ประเมินว่า มีถึง 30,000 คนที่มารวมตัวประท้วงในกรุงวอชิงตัน โดยการประท้วงอย่างสงบครั้งนี้ถือเป็นการประท้วงเพื่อสนับสนุนให้มีการรับผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในกรุงวอชิงตัน นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา โดยในปีนั้น นักเคลื่อนไหวรวมตัวกันเพื่อกดดันอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาและสภาคองเกรสเพื่อปรับปรุงระบบการอพยพเข้าเมืองของสหรัฐฯ
มีผู้ประท้วงกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยในวอชิงตันที่มาประท้วงสตีเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาว ซึ่งมีแนวคิดแข็งกร้าวเรื่องผู้อพยพ ถือเป็นการประท้วงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ของคณะทำงานของทรัมป์ โดยผู้ประท้วงถือป้ายที่มีข้อความว่า “ สตีเฟน มิลเลอร์ เรารู้นะว่าคุณนอนอยู่ที่ไหน ”
ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2560 ทรัมป์ตรวจสอบการจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะลักลอบเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และทางการสหรัฐฯ ยังอนุมัติวีซ่าครอบครัวน้อยลงด้วย.