ขโมยแบบผลิตชิปในไต้หวัน
วิศวกรกลุ่มหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติไต้หวันที่รับจ้างผลิตและถือครองความลับของสหรัฐฯ วางแผนจารกรรมความลับของบริษัท ซึ่งถือเป็นกรณีที่ท้าทายและไม่คอยเกิดขึ้นมากนัก
เจ้าหน้าที่ตำรวจตามแกะรอยไปที่สำนักงานของพวกเขา วิศวกรกลุ่มนี้ส่งต่อทั้ง USB ไดรว์ แล็ปท็อป และเอกสารให้ผู้ช่วยวิศวกร เธอซ่อนทุกอย่างไว้ในล็อกเกอร์ และเดินออกไปทางประตูหน้าพร้อมกับสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งของวิศวกร
ทั้งนี้ ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดมีแบบผลิตไมโครชิปของบริษัทไมครอน เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดวิวัฒนาการโลกดิจิทัล
อ้างอิงจากทางการไต้หวัน แบบทั้งหมดนี้สันนิษฐานว่าจะถูกคนร้ายส่งไปที่จีน ซึ่งจะช่วยให้โรงงานผลิตไมโครชิปแห่งใหม่ซึ่งมีมูลค่า 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 188,556 ล้านบาทในจีนมีต้นแบบในการผลิตชิปรุ่นใหม่
ทั้งนี้ จีนมีแผนการที่ทะเยอทะยานจะปฏิรูปเศรษฐกิจและแข่งขันกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆแบบสูสีคู่คี่ในเทคโนโลยีเพื่ออนาคต คดีการขโมยแบบเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนและเจ้าหน้าที่จู่โจมจับได้ในปีที่แล้ว ซึ่งมีรายละเอียดจากบริษัทไมครอนที่กำลังดำเนินคดีอยู่ในชั้นศาลและที่อยู่ในมือตำรวจไต้หวัน แสดงให้เห็นถึงด้านมืดของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และเป็นเหตุผลสำคัญที่อธิบายได้ว่า ทำไมสหรัฐฯจึงเริ่มต้นทำสงครามการค้ากับจีน
เมื่อ 3 ปีก่อน ไมครอนถูกบริษัทจีนที่รัฐบาลสนับสนุนเสนอขอเทคโอเวอร์กิจการด้วยมูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 760,840 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีคดีถูกฟ้องร้องและถูกสอบสวนในจีน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขาย 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
บริษัทไมครอนตกเป็นเป้าหมายของการขโมยความลับในไต้หวัน อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ และมีอีกคดีที่บริษัทฟ้องร้องบริษัทไต้หวันที่จ้างวิศวกร, UMC และบริษัทจีนที่ต้องการเข้าถึงเทคโนโลยีคือฝูเจี้ยนจินหัว อินเทเกรทเต็ด เซอร์กิต
ในปี 2558 ตัวแทนจากซิงหัว ยูนิกรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตชิปซึ่งรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ เสนอซื้อบริษัทไมครอน แต่ทางบริษัทปฏิเสธ ในเวลาต่อมา ยังมีบริษัทจีนเสนอซื้อเข้ามาอีก อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ไม่ต้องการเปิดเผยนาม
ไมครอนกล่าวหาฝูเจี้ยนจินหัว บริษัทผู้ผลิตชิปที่มีรัฐบาลจีนถือหุ้นใหญ่ ซึ่งกำลังสร้างโรงงานในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเมื่อสองปีก่อน จินหัวติดต่อ UMC เพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้โรงงาน แทนที่จะต้องใช้เวลาในการดำเนินงานออกแบบเทคโนโลยี UMC และจินหัวตัดสินใจที่จะขโมยเพื่อลัดขั้นตอน อ้างอิงจากคำฟ้องของไมครอน
โฆษกของ UMC ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และปฏิเสธที่จะให้ความเห็น ขณะที่จินหัวไม่ตอบรับคำถามให้ออกความเห็น
ทางการระบุว่า ในตอนแรก UMC ชักจูงวิศวกรจากไมครอนในโรงงานผลิตที่ไต้หวันให้ขโมยความลับของไมครอน อ้างอิงจากคำฟ้องในคดีของไมครอน โดยวิศวกรกลุ่มนี้ขโมยความลับไปมากกว่า 900 ไฟล์ที่เป็นรายละเอียดของเมมโมรีชิปที่ก้าวหน้าของไมครอน
ด้วยการเฝ้าระวังและตื่นตัวจากไมครอน ตำรวจไต้หวันแกะรอยโทรศัพท์ของเคนนี หวัง วิศวกรของไมครอน อ้างอิงจากคำฟ้องในไต้หวัน โดย UMC ติดต่อหวังในช่วงปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขายังทำงานให้ไมครอนอยู่ หวังรวบรวมข้อมูลเทคโนโลยีเมมโมรีชิปจากเซิร์ฟเวอร์ของไมครอน และใช้งานเพื่อช่วยในการออกแบบให้ UMC ในเวลาต่อมา ตำรวจกล่าวว่าหวังได้รับการส่งเสริมด้านตำแหน่งงานจาก UMC
ตำรวจกล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนไปที่สำนักงานของ UMC ในปีที่แล้ว หวังและอดีตพนักงานของไมครอนให้แล็ปท็อป , USB แฟลชไดรฟ์ และเอกสารให้กับผู้ช่วยวิศวกร ซึ่งล็อกทุกอย่างไว้ในล็อกเกอร์ส่วนตัวของเธอ เธอออกจากออฟฟิศไปพร้อมกับสมาร์ทโฟนของหวัง ซึ่งถูกติดตามแกะรอยได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังและวิศวกรคนอื่นซึ่งถูกตั้งข้อหาให้การว่า พวกเขาขโมยความลับการค้าไปเพื่อการทำวิจัยส่วนตัว
ในเดือนม.ค.ปีนี้ ไมครอนถูกฟ้องในคดีละเมิดลิขสิทธิ์โดยจินหัวและ UMC โดยคดีนี้มีการพิจารณาคดีในมณฑลฝูเจี้ยน และรัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยนเป็นนักลงทุนในจินหัว.