ทรัมป์ชี้รพ.ลอนดอนเหมือนอยู่ในสงคราม
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปรียบเทียบโรงพยาบาลในลอนดอนโดยไม่ระบุชื่อว่า เหมือนอยู่ในสงคราม โดยระบุว่า ถึงแม้จะมีกฎหมายปืนที่เข้มงวดในสหราชอาณาจักร แต่ยังคงมีเลือดท่วมพื้นจากเหยื่อที่ถูกแทงด้วยมีด
“พวกเขาไม่มีปืน พวกเขามีมีด และมีเลือดท่วมพื้นโรงพยาบาลแห่งนี้ พวกเขากล่าวว่า มันเลวร้ายเหมือนอยู่ในโรงพยาบาลทหารในสงครามมีแต่มีด มีด มีด ลอนดอนไม่ชินกับเรื่องนี้ พวกเขากำลังจะชินแล้ว มันโหดมาก”
ยังไม่ชัดเจนว่าผู้นำสหรัฐฯพูดถึงโรงพยาบาลแห่งใด แต่สื่อ BBC เพิ่งรายงานการผ่าตัดที่โรงพยาบาล Royal London ซึ่งแพทย์ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมแพทย์เปรียบโรงพยาบาลแห่งนี้ว่าเหมือนอยู่ในสงครามที่อัฟกานิสถาน
“เพื่อนผมที่เป็นทหารเปรียบโรงพยาบาลนี้ว่าเหมือนกับโรงพยาบาลในสงครามที่นั่น” นพ.Martin Griffiths กล่าวกับสื่อ BBC ว่า “เราต้องรักษาเด็กๆทุกวัน อายุ 13 -15 มีทุกวันที่คนไข้อายุน้อยบาดเจ็บจากมีดและปืน” และสื่ออังกฤษได้คำพูดของเขามาเผยแพร่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ก่อให้เกิดความไม่พอใจ โดยแพทย์ Griffiths ทวีตบนทวิตเตอร์ว่า “ยินดีที่จะเชิญคุณทรัมป์มาที่โรงพยาบาลของเราเพื่อพบกับท่านนายกเทศมนตรีและผบ.ตร.ของเรา เพื่อพูดคุยกันเรื่องความสำเร็จของเราที่สามารถลดความรุนแรงในลอนดอนได้”
สำนักนายกเทศมนตรีซาดิก ข่านแห่งลอนดอนไม่ได้ให้ความเห็นกับสื่อ CNN ในประเด็นความเห็นของผู้นำสหรัฐฯ
มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการก่อคดีอาชญากรรมด้วยมีดหลังจากมีตัวเลขออกมาเมื่อปีที่แล้วที่แสดงให้เห็นถึงจำนวนอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในอังกฤษและเวลส์ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
เป็นปัญหาสำคัญในลอนดอน ซึ่งมีสถิติอาชญากรรมจากมีดสูงที่สุดต่อจำนวนหัวประชากรของตำรวจในอังกฤษและเวลส์ถึงเดือนมี.ค.ปี 2560
ตำรวจนครบาลลอนดอนระบุว่า เมื่อเดือนเม.ย.ว่า มีการสอบสวนสาเหตุที่คดีฆาตกรรมเพิ่มขึ้น แต่ชี้ว่า ลอนดอนยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลก
มีรายงานจำนวนคดีฆาตกรรมประมาณ 60 คดีในลอนดอนปีนี้ ทั้งทำร้ายร่างกายและแทงกัน ตำรวจนครบาลระบุเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ในปีที่แล้ว ลอนดอนมีคดีฆาตกรรมทั้งหมด 116 คดี มีเหยื่อที่ถูกแทงอย่างน้อย 80 ราย และถูกยิง 10 ราย
ตัวเลขจากตำรวจชี้ว่า ลอนดอนมีเหตุร้ายที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บจากการถูกแทงถึง 4,700 ราย ระหว่างเดือนเม.ย.ปี ที่แล้วจนถึงเดือนมี.ค.ปีนี้ โดยตัวเลขของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 4,446 ราย
ผู้นำสหรัฐฯเคยกล่าววิจารณ์ลอนดอนมาก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิ.ย.เขาทวีตวิจารณ์นายกเทศมนตรีข่านในทันทีหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงลอนดอน ในเวลานั้น นายกเทศมนตรีข่านกล่าวว่า เขามีเรื่องสำคัญต้องทำมากกว่าที่จะโต้ตอบกับทวีตที่ให้ข้อมูลมั่วๆของผู้นำสหรัฐฯ
หลังจากนั้น นายกเทศมนตรีข่านวิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ที่รีทวีตโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มต่อต้านมุสลิมจากกลุ่มขวาจัดของอังกฤษ และแนะนำนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ไม่ให้ต้อนรับผู้นำสหรัฐฯในการมาเยือนอังกฤษ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าผู้นำสหรัฐฯจะมาเยือนสหราชอาณาจักรในเดือนก.ค.นี้.