ทรัมป์ชี้จีนสปอยล์เพราะชนะการค้าสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯให้ความเห็นว่า จีนถูกสปอยล์มากจากชัยชนะทางการค้ากับสหรัฐฯ ในขณะที่คณะผู้แทนการค้าจากสหรัฐฯเดินทางกลับประเทศหลังเสร็จสิ้นการประชุมระดับสูงกับจีน
การพูดคุยในช่วงเวลา 2 วันมีเป้าหมายเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างเตรียมพร้อมที่จะเปิดศึกปรับขึ้นภาษีที่อาจส่งผลกระทบกับสินค้าเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
“ผู้แทนการค้าระดับสูงของเรากำลังเดินทางกลับจากจีน ที่พวกเขามีการประชุมเป็นเวลานานกับคณะผู้นำและผู้แทนทางธุรกิจของจีน” ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความ
“เราจะมีการประชุมกันในวันที่ 5 พ.ค.เพื่อสรุปถึงผลการประชุม แต่เป็นเรื่องยากสำหรับจีน เพราะจีนถูกสปอยล์มามากกับการที่จีนมีชัยเหนือสหรัฐฯในทางการค้า” ประธานาธิบดีทรัมป์เสริม
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาจีนว่ามีการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้ากับยักษ์ใหญ่ของเอเชียเป็นจำนวนมาก ทางวอชิงตันยังกล่าวหาว่าจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯอีกด้วย
ก่อนหน้าการประชุม ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งทางการค้าและทวีความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จีนโต้กลับด้วยการประกาศรายชื่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯที่จีนจะปรับขึ้นภาษีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ทั้งสองฝ่ายรู้ว่ายังมีความแตกต่างอย่างมากในหลายประเด็นและพวกเขาจำเป็นต้องทำงานต่อไปเพื่อให้ทุกอย่างก้าวหน้าขึ้น” จีนระบุในแถลงการณ์ที่รายงานโดยสำนักข่าวซินหัวของจีน
“ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการเพิ่มจำนวนการส่งออกสินค้าสหรัฐฯไปจีน การค้าในภาคบริการ การลงทุนทวิภาคี การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การแก้ไขมาตรการภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี”
นอกจากนี้ พวกเขายังเห็นพ้องกันในหลายเรื่อง โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม และทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะสร้างกระบวนการทำงานเพื่อพูดคุยต่อไป
จีนยังสัญญาจะปฏิรูปในหลายประเด็นในช่วงเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เช่น การยกเลิกความเข้มงวดการเป็นเจ้าของกิจการของชาวต่างชาติสำหรับผู้ผลิตรถยนต์และอนุญาตนักลงทุนต่างชาติในการถือครองหุ้นในบริษัทการเงิน
แต่รายการสิ่งที่สหรัฐฯต้องการซึ่งถูกนำเสนอในการประชุมที่กรุงปักกิ่งแสดงให้เห็นถึงว่ายังห่างไกลจากที่สหรัฐฯคาดหวังไว้
โดยความต้องการจากสหรัฐฯคือลดจำนวนการขาดดุลการค้ากับจีนลงอย่างน้อย 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2563 ลดภาษีนำเข้าสินค้าให้เท่ากับระดับของสหรัฐฯ หยุดกำหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และหยุดการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายอุตสาหกรรมของจีน อ้างอิงจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ทำเนียบขาวเรียกการพูดคุยครั้งนี้ว่า เป็นการพูดคุยที่ตรงไปตรงมา แต่ไม่ได้เอ่ยถึงการเจรจาที่ยังต้องดำเนินต่อไป
“มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ในคณะรัฐบาลว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนและความสัมพันธ์ด้านการลงทุน” ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์.