ผู้อพยพหญิงและเด็กเข้าสหรัฐฯได้
ผู้หญิงและเด็กจำนวน 8 คนจากคาราวานผู้อพยพนับพันคนจากอเมริกากลางขอลี้ภัยในสหรัฐฯ ได้หลังจากเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผ่านเข้าประเทศจากพรมแดนเม็กซิโก เพิ่มความหวังให้กับกลุ่มผู้อพยพที่เหลือที่ยังคงปักหลักตั้งแคมป์อยู่นอกเขตแดนสหรัฐฯ
หนึ่งเดือนก่อน คาราวานผู้อพยพจากหลายประเทศในอเมริกากลางซึ่งรวมตัวกันเดินทางกว่า 2,000 ไมล์ข้ามเม็กซิโกเพื่อมาที่พรมแดนสหรัฐฯ ได้รับความสนใจจากสื่อสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ว่าไม่ต้องการให้ผู้อพยพกลุ่มนี้ผ่านเข้ามาในสหรัฐฯ และหนุนให้มีกฎหมายเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากกฎของนานาชาติทำให้สหรัฐฯต้องยอมรับคำขอลี้ภัย โดยผู้อพยพส่วนใหญ่ในคาราวานกล่าวว่าพวกเขาหลบหนีมาจากสิ่งที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงถึงแก่ชีวิต การบังคับขู่เข็ญ และความรุนแรงจากแก๊งข้างถนนที่มีอิทธิพล
หลังจากทราบข่าวเมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย.ว่า ศุลกากรสหรัฐฯ (CBP) เปิดช่องทางเข้าให้กับผู้หญิงและเด็ก 8 คน ผู้อพยพนับสิบของกองคาราวานจึงนอนหลับรออยู่รอบๆด่านท่าเรือ San Ysidro ที่พลุกพล่าน
พวกเขารอคอยอย่างมีความหวังที่จะได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่า พวกเขาไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะไม่มีความปลอดภัยในชีวิต
โดยในตอนแรก กลุ่มคาราวานผู้อพยพจากอเมริกากลางมีประมาณ 1,500 คน แต่ลดจำนวนลงจนเหลืออยู่ประมาณไม่กี่ร้อยคนในขณะนี้
“ เราข้ามทั้งประเทศเม็กซิโกมา ” Angel Caceres กล่าว เขาหลบหนีรออกจากประเทศฮอนดูรัสมาพร้อมกับลูกชายวัย 5 ปี หลังจากพี่ชายและหลานถูกฆ่า และแม่ของเขาถูกทุบตีและถูกข่มขืน เขาย้ำว่าเขาจะรออยู่ที่นี่ต่อไป “ ถึงจะเป็นคนสุดท้ายที่จะได้เข้าไป นานแค่ไหนก็ตาม ”
ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มผู้อพยพจะได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในสหรัฐฯ โฆษกของ CBP กล่าวว่า ด่านเข้าเมืองเต็มไปด้วยผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารถูกต้อง และกลุ่มสมาชิกคาราวานอาจต้องรอในเม็กซิโกเป็นการชั่วคราว
คำขอลี้ภัยในสหรัฐฯ ของผู้อพยพที่มาจากอเมริกากลางส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขามักถูกควบคุมตัวและถูกส่งกลับไป โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า คำขอลี้ภัยจำนวนมากเป็นเรื่องหลอกลวง ที่หาประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎหมาย
ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหาว่ามีการจัดตั้งเป็นคาราวานผู้อพยพเพื่อโน้มน้าวให้คนละทิ้งบ้านของพวกเขาเพราะเชื่อว่ามีพรมแดนสหรัฐฯ เปิดรออยู่
มีเพียงแค่ 2 คนจากหลายสิบคนในคาราวานที่กล่าวกับสื่อรอยเตอร์ในช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า พวกเขารู้เรื่องคาราวานผู้อพยพก่อนจะออกจากบ้านมา โดยพวกเขากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีผลมากนักในการตัดสินใจที่จะหลบหนีจากสิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศบ้านเกิดของพวกเขา
ผู้ขอลี้ภัยต้องแสดงหลักฐานที่ชัดเจนถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกระทำของรัฐ เช่น สงคราม แต่เป็นเรื่องยากสำหรับผู้อพยพจากอเมริกากลาง เพราะรัฐบาลไม่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงกับภัยคุกคามถึงแก่ชีวิตที่เกิดขึ้นกับประชาชน
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์ตำหนิระบบที่ทำให้สมาชิกคาราวานผู้อพยพจะมีอิสระในสหรัฐฯ จนกว่ากรณีของพวกเขาจะได้รับการแก้ไข เนื่องจากขาดแคลนเตียงนอนในศูนย์ควบคุมตัวและไม่มีกฎว่าผู้หญิงและเด็กจะถูกควบคุมตัวได้นานเท่าไร
“ จับแล้วปล่อยเป็นเรื่องน่าขัน ถ้าพวกเขาแตะต้องทรัพย์สินของเรา ทำผิดในประเทศของเรา คุณจะจับพวกเขาได้ และปล่อยตัวพวกเขาอีกในประเทศของเรา ไม่มีใครยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ ดังนั้น เราจึงควรเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ” ผู้นำสหรัฐฯกล่าว