สหรัฐฯส่งออกก๊าซไปจีนบูม
อากาศที่หนาวจัดในจีนส่งสัญญาณทำให้ตลาดส่งออกก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯร้อนแรงขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์
Jack Fusco ซีอีโอของ Cheniere Energy กล่าวว่า ความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลวของจีน หรือ LNG เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปี 2560 และยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเขาระบุว่าดีมานด์ส่งผลต่อการเติบโตของ Cheniere Energy
“เรามองว่าในฤดูหนาวนี้ ดีมานด์ในเอเชียและจีนสร้างเซอร์ไพรส์ให้ตลาด ที่เราเห็นคือตลาดจะยังไม่ถึงจุดสมดุลของซัพพลาย-ดีมานด์จนถึงช่วงปี 2563” Kevin Brown นักวิเคราะห์วิจัยที่ Tortoise Capital Advisors กล่าว “ตอนนี้เรามองเห็นว่าจุดสมดุลอาจจะมาถึงเร็วขึ้น ทำให้ผู้คนมีการลงทุนก๊าซ LNG เป็นคลื่นระลอกที่สอง”
Fusco กล่าวว่า มีกระแสการเปลี่ยนแปลงในจีนที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของดีมานด์ “พวกเขาต้องการอากาศที่สะอาดขึ้น และเรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว” เขากล่าว เป้าหมายของจีนคือการใช้ก๊าซธรรมชาติ 10% ของความจำเป็นภายในปี 2563 และต้องการก๊าซ LNG เพื่อให้สมดุลกับดีมานด์
สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดสำคัญที่กลายเป็นแหล่งเชื้อเพลิงแห่งใหม่สำหรับจีน โดยเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา Cheniere Energy ลงนามในข้อตกลงระยะยาวเป็นครั้งแรกกับบริษัทพลังงานของจีนที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรม
“ในสหรัฐฯ เรามีค่าใช้จ่ายต่ำ มีก๊าซจำนวนมาก เป็นฐานทรัพยากรที่หลากหลายด้วยตัวเลขการเติบโตขนาดใหญ่” Brown กล่าว โดย Tortoise เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Chinere
ทั้งนี้ Brown ระบุว่า สหรัฐฯมีโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุด
“เรามีแรงงาน และเราสร้างกระบวนการเพื่ออำนวยความสะดวกของก๊าซ ท่อก๊าซ และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนก๊าซ LNG ที่กำลังบูมขึ้นมาครั้งใหญ่ โดยเราคาดว่าจะเห็นการลงทุนก๊าซ LNG เป็นระลอกที่ 2 ในสหรัฐฯ” เขากล่าว
“เรากำลังอยู่ในสภาะวะที่ล่อแหลมเป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นในอาชีพของผม เมื่อเรามีดีมานด์และซัพพลายที่ผลักดันกันไปมาเป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนเกือบ 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสหรัฐฯ” Meg Gentle ประธานและซีอีโอของบริษัท Tellurian ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตก๊าซ LNG เธอคาดการณ์ว่า ดีมานด์ในก๊าซ LNG จะเติบโตขึ้น 11 – 12%
“ซึ่งแปลว่า เป็นอุตสาหกรรมที่เราต้องการศักยภาพในการผลิตใหม่มากกว่า 100 ล้านตัน เพื่อทำให้ตลาดสมดุลกับดีมานด์ภายในปี 2568”
โดยเธอคาดการณ์ว่าจำนวนผลผลิต 20,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตจะมาจากสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นการขุดเจาะน้ำมัน
“ซัพพลายในสหรัฐฯกำลังบอกเราว่า เราต้องพัฒนาศักยภาพในการผลิตเพิ่มอีก 100 ล้านตันในสหรัฐฯเพื่อตลาดส่งออก” เธอกล่าว.