นอร์เวย์ปฏิเสธข้อเสนอรับเข้าสหรัฐฯของทรัมป์
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ชาวนอร์เวย์จำนวนมากพากันปฏิเสธข้อเสนอจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ระบุว่า สหรัฐฯยินดีต้อนรับพลเมืองชาวนอร์เวย์ให้อพยพเข้าประเทศมากกว่าผู้อพยพจาก ‘ประเทศรูทวาร’ อย่างเฮติหรือกลุ่มประเทศในแอฟริกา
ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจากตัวเลขจีดีพีต่อจำนวนประชากร ในปีที่แล้วขึ้นแท่นเป็นประเทศที่พลเมืองมีความสุขที่สุดในโลก และเป็นที่รู้กันดีถึงสวัสดิการของรัฐทีมีให้กับพลเมืองตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต โดยประเทศมีรายได้มั่นคงจากทรัพยากรธรรมชาติทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงประเทศนอร์เวย์ในระหว่างการประชุมเรื่องผู้อพยพเข้าเมืองกับกลุ่มส.ว.เมื่อวันที่ 11 ม.ค.จากกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายปกป้องคนหนุ่มสาวต่างชาติซึ่งถูกลักลอบพาเข้ามาในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายเมื่อตอนเป็นเด็ก ไม่ให้ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ อ้างอิงจากแหล่งข่าว 2 รายที่ไม่ต้องการเปิดเผยนาม
หนึ่งในแหล่งข่าวยกคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ในระหว่างการประชุมมาว่า “ทำไมเราถึงต้องการให้คนจากประเทศในแอฟริกามาที่สหรัฐฯ ด้วย พวกนี้เป็นประเทศ ‘รูทวาร’ เราควรจะมีคนจากนอร์เวย์มากกว่านี้”
ทรัมป์โต้ถึงจุดยืนของเขาที่มีต่อข้อตกลงในนโยบายการอพยพเข้าเมืองของส.ว. แต่ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้ใช้ภาษาที่หยาบคายเป็นเรื่องปกติ
“ภาษาที่ผมพูดในการประชุม DACA มันเถื่อน แต่นี่ไม่ใช่ภาษาที่ผมใช้ประจำ” เขากล่าว เขายังได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกชาวเฮติเช่นนั้น
“ในนามของนอร์เวย์ ขอขอบคุณ แต่คงต้องขอปฏิเสธ” Torbjoern Saetre นักการเมืองจากพรรคอนุรักษ์นิยมของนอร์เวย์ทวีตจากเขตเทศบาลใกล้กรุงออสโล
ขณะที่ชาวนอร์เวย์คนอื่นพากันประณามความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าไม่เหมาะสมและแสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ “เราชาวนอร์เวย์ไม่ไปหรอก” หญิงชาวนอร์เวย์คนหนึ่งโพสต์
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีชาวนอร์เวย์นับแสนคนที่อพยพเข้ามาในสหรัฐฯ แต่ในปี 2559 มีชาวนอร์เวย์เพียง 502 คนจากจำนวนประชากรทั้งหมด 5.3 ล้านคนที่อพยพเข้ามาในสหรัฐฯ ลดลงมา 59 คนจากปี 2558 อ้างอิงจากสถิติของนอร์เวย์ สำนักสถิตินอร์เวย์ทวีตถามว่า “ตอนนี้จะมีเพิ่มขึ้นอีกหรือ?”
เมื่อสื่อรอยเตอร์สอบถามถึงความเห็นในประเด็นนี้ เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งของนอร์เวย์ระบุว่า “เราขอปฏิเสธโอกาสนี้ด้วยความนับถือ”
การที่ผู้นำสหรัฐฯเอ่ยถึงนอร์เวย์อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งให้การต้อนรับการมาเยือนทำเนียบขาวของนายกรัฐมนตรีเออร์นา โซลเบิร์กแห่งนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.และเขากล่าวยกย่องนอร์เวย์ที่กำลังขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯสำหรับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากกองทัพสหรัฐฯ
คริสเตียน คริสเตนเซน ศาสตราจารย์ชาวอเมริกันประจำภาควิชาวารสารศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์มในประเทศสวีเดนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของนอร์เวย์ ทวีตประชดว่า
“แน่นอนว่าประชาชนจาก # นอร์เวย์ คงอยากที่จะย้ายไปประเทศที่ประชาชนมีแนวโน้มที่จะถูกยิง ยากจน ไม่มีสวัสดิการสุขภาพเพราะพวกเขาจน ไม่มีการลาไปเลี้ยงลูกโดยได้เงินเดือน หรือมีสถานดูแลเด็กในองค์กรให้ และมีผู้หญิงน้อยมากที่มีอำนาจทางการเมือง # รูทวาร “.