จ้างงานสหรัฐฯเดือนธ.ค.ลดลง
นายจ้างสหรัฐฯ มีการจ้างงานน้อยกว่าที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว มีผลทำให้เป็นปีที่การเติบโตของงานชะลอตัวลง
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า งานในภาคส่วนที่ไม่ใช่เกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 148,000 อัตราในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ท่ามกลางจำนวนงานที่ลดลงในภาคค้าปลีก แต่อัตราการว่างงานยังคงมีเสถียรภาพอยู่ที่ 4.1% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดแรงงานที่ตึงตัว (ซึ่งทำให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้นที่จะจ้างงานเพิ่ม) กำลังส่งผลทำให้การสร้างงานชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
สหรัฐฯ มีเศรษฐกิจที่ขยายตัวมาหลายปี ซึ่งหนุนตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สูงกว่า 3% ในไตรมาสปัจจุบันและการสร้างงานต่อปีสูงถึง 2 ล้านอัตราสำหรับ 7 ปีที่ผ่านมา
อัตราการว่างงานในระดับชาติปรับดีขึ้นอยู่ที่ 4.1% ตั้งแต่เดือนต.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา นักเศรษฐศาสตร์ข้องใจว่าตัวเลขที่ต่ำลงกลับไม่ได้สร้างการเติบโตของค่าจ้างให้แข็งแกร่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในเดือนพ.ย. อัตราการเติบโตของค่าจ้างต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 2.4% ในเดือนพ.ย.เป็น 2.5% จากค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมา 9 เซ็นต์ ซึ่งเท่ากับอัตราของเดือนก่อนหน้า
ในเดือนธ.ค. บริษัทก่อสร้างและบริษัทดูแลสุขภาพรายงานเรื่องการจ้างงานที่ยังแข็งแกร่ง โดยมีอัตราเพิ่มถึง 30,000 อัตรา ขณะที่การจ้างงานในภาคการผลิต ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งเป้าในการเติบโตไว้มากที่สุด ก็มีการขยายตัวประมาณ 25,000 อัตรา
แต่ภาคค้าปลีกลดลงถึง 20,300 อัตรา โดยภาคส่วนนี้ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของงานในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการเติบโตของการช้อปปิงออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เช่น Sears และ Macy’s ตัดสินใจปิดสาขาไปนับร้อยสาขาเมื่อปีที่แล้ว และมีแผนจะปิดเพิ่มอีกในปีนี้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านอัตราในปี 2560 ลดลงจากปี 2559 ถึง 100,000 อัตรา และลดลงจากปี 2558 ถึง 600,000 อัตรา นักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่า จำนวนงานจะลดลงไปอีกในปี 2561 นี้ ท่ามกลางอัตราการว่างงานต่ำและการเปลี่ยนแปลงที่กว้างขวางขึ้นในกำลังแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของชาวอเมริกันที่เกิดในยุคเบบี้บูม ซึ่งเริ่มที่จะเกษียณอายุ
อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงาน ซึ่งเป็นสัดส่วนของประชากรในวัยทำงาน หรือที่กำลังหางานทำ แทบไม่มีการเพิ่มขึ้นในรอบสามปีที่ผ่านมา
ผู้คนจำนวนมากซึ่งออกจากตลาดแรงงาน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่หวนกลับมา ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านประชากร Gus Faucher นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคาร PNC ให้ความเห็น
เขากล่าวว่า แรงงานที่มีศักยภาพจะไม่มีมากนักในอนาคต
“ การเติบโตของงานที่ชะลอตัวเป็นไปตามที่คาดการณ์ มันกำลังจะนำไปสู่การเติบโตที่ชะลอตัวลงในระยะยาว แต่จะไม่ถึงขนาดถดถอย ”