สหรัฐฯ กลับมาใช้วัคซีนของ J&J อีก
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ผู้บริหารหน่วยงานสาธารณสุขระบุว่า สหรัฐฯสามารถกลับไปใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน & จอห์นสันได้ทันที หลังระงับการใช้ไปนาน 10 วันเพื่อสืบสวนความเชื่อมโยงกับลิ่มเลือด
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) และองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า จะเพิ่มคำเตือนความเสี่ยงจากลิ่มเลือดที่อาจทำให้เสียชีวิตในเอกสารที่แจกให้ผู้ฉีดวัคซีน
ผู้บริหาร FDA ระบุว่า การตัดสินใจมีผลในทันที ทำให้สามารถใช้วัคซีนของ J&J ได้เร็วที่สุดคือในวันที่ 24 เม.ย.
“ เราไม่แนะนำให้ระงับการใช้วัคซีนตัวนี้อีกต่อไป จากพื้นฐานการวิเคราะห์ในเชิงลึก มีแนวโน้มว่าความเสี่ยงนั้นต่ำมาก” โรเชล วาเลนสกี ผอ.CDC กล่าวในการแถลงข่าว
ทาง FDA แถลงการตัดสินใจนี้หลังการประชุมจากที่ปรึกษาภายนอกของ CDC ซึ่งแนะนำว่าควรยุติการระงับใช้วัคซีน โดยมีหลายหน่วยงานดำเนินการสอบสวนความเสี่ยงของวัคซีน
ก่อนหน้าวันที่ 23 เม.ย. บอร์ดบริหารของ CDC โหวตลงมติ 10 เสียงต่อ 4 เสียง แนะนำให้ฉีดวัคซีน J&J กับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นเกณฑ์เดียวกับ FDA
“ คำแนะนำของคณะกรรมการถือเป็นก้าวสำคัญในช่วงเวลาที่มีความต้องการวัคซีนเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยสำหรับประชาชนหลายล้านคนในสหรัฐฯ” พอล สตอฟเฟลส์ ผอ.ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ J&J ระบุในแถลงการณ์
CDC ระบุว่า มีผู้ที่เกิดลิ่มเลือดหลังรับวัคซีนทั้งหมด 15 ราย รวม 6 รายที่ยืนยันว่าเป็นหญิง และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย
ข้อได้เปรียบของวัคซีน J&J ที่มีมากกว่าวัคซีนตัวอื่นคือฉีดเพียงโดสเดียว และไม่จำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิเย็นจัดในระหว่างการขนส่ง
การตัดสินใจของสหรัฐฯสอดคล้องกับองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ที่ระบุเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ว่า วัคซีน J&J มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และแนะนำให้เพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับการเกิดลิ่มเลือดไว้บนฉลากของวัคซีน ทำให้บริษัทสามารถเริ่มกระจายวัคซีนในยุโรปได้
“ นี่เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ยาก วัคซีนมีความเสี่ยงน้อยมาก” ดร.พอล ออฟฟิต จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาวัคซีนของ FDA กล่าว
ขณะที่ดร.วิลเลียม มอส กรรมการบริหารศูนย์วัคซีนนานาชาติของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุว่าควรมีการใช้วัคซีนพร้อมกับมีคำเตือนถึงความเสี่ยงเพื่อเป็นการช่วยให้การใช้งานวัคซีนมีความก้าวหน้า
มูลค่าหุ้นของบริษัท J&J ปิดเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 165.52
ทั้งนี้ สหรัฐฯมีความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ประชาชนในช่วงไม่กี่เดือนเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
โดย 35% ของประชากรผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วถึง 35% และ 53% รับวัคซีนโดสแรกแล้ว จากข้อมูลของ CDC
จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากโควิด-19 อยู่ที่ 570,000 ราย