ญี่ปุ่นหนุนทำงานที่บ้าน ลดจราจรแออัด
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการทดสอบแผนปฏิบัติการระดับชาติของญี่ปุ่นเพื่อลดจำนวนผู้โดยสารขนส่งสาธารณะในแต่ละวัน โดยสนับสนุนให้ชาวญี่ปุ่นทำงานที่บ้านมากขึ้น
โดยแผนการสนับสนุนให้ทำงานที่บ้าน หรือ telework มากขึ้น จะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาความแออัดบนรถไฟและบนท้องถนนของญี่ปุ่นก่อนที่จะมีพิธีเปิดการแข่งขันก๊ฬาโอลิมปิกในกรุงโตเกียว ปี 2563 และจะเป็นการปฏิรูปวัฒนธรรมการทำงานหนักมากเกินไปของชาวญี่ปุ่นด้วย
ทั้งนี้ ประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศญี่ปุ่น 127 ล้านคนอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวและจังหวัดที่ตั้งอยู่โดยรอบ
ความแออัดในเมืองหลวงกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อลดจำนวนผู้โดยสารในช่วงเวลาทำงานและเป็นการรับมือกับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
Telework Day หรือวันทำงานที่บ้าน ที่มีขึ้นด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน มีคนทำงานเข้าร่วมในแผนปฏิบัติการครั้งนี้ถึง 60,000 คนจากกว่า 900 บริษัท องค์กร และสถานที่ราชการ อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่น โดยพวกเขาจะทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องวุ่นวายกับการเดินทางไปทำงานที่ต้องเบียดเสียดกันบนรถไฟ หรือขับรถส่วนตัวไปติดอยู่บนถนนเป็นเวลานานเหมือนทุกวัน
ทางกระทรวงไม่ได้ระบุตัวเลขของการเข้าร่วมในโครงการจากภูมิภาคอื่น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนทำงานในกรุงโตเกียว
ไอเดียของการทำงานที่บ้าน เป็นการดำเนินรอยตามโครงการ telework ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน ประทศอังกฤษในปี 2555 โดยญี่ปุ่นจะซ้อมแผนปฏิบัติการนี้อีกครั้งในวันเดียวกันนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้าในช่วงการทดสอบก่อนพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในวันที่ 24 ก.ค. 2563
แผนการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะที่จะทบทวนวิถีปฏิบัติในการทำงานหนักแบบดั้งเดิม ที่ซึ่งผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะทุ่มเททำงานในออฟฟิศจนดึกดื่นทุกคืน และมีเวลาให้กับครอบครัวน้อยเกินไป
เมื่อช่วงต้นปีนี้ รัฐบาลได้เผยแผนการริเริ่มที่จะจำกัดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาการเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป ที่เรียกว่า คาโรชิ ในภาษาญี่ปุ่น โดยหวังว่า เมื่อจบการแข่งขันกี่ฬาโอลิมปิก จะมีคนทำงานที่บ้านมากขึ้น
การทำงานที่บ้านเป็นหนทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของผู้คนในใจกลางกรุงโตเกียวได้ อ้างอิงจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในแคมเปญนี้
“ บางคนอาจบอกว่า พวกเขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากจำนวนคนที่ลดน้อยลงในเช้าวันนี้ แต่บางคนก็อาจบอกว่า ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลย นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่เราหวังว่าจะเป็นการจุดประกายให้กับบริษัทและคนทำงานให้คิดถึงสไตล์การทำงานที่แตกต่างออกไปมากขึ้น ” เขากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี.