‘ไบเดน’ เซ็นคำสั่งโละนโยบาย ‘ทรัมป์’
วอชิงตัน – เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ โจ ไบเดนลงนามใน 15 คำสั่งบริหารของประธานาธิบดีไม่นานหลังจากเข้าพิธีสาบานตน ถือเป็นการเพิกถอนนโยบายเดิมของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเป็นความเคลื่อนไหวครั้งแรกของเขาที่มีต่อนโนบายรับมือกับโรคระบาดและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ขณะลงนามในคำสั่งกำหนดนโยบายต่อหน้าผู้สื่อข่าวในห้องทำงานที่ทำเนียบขาวในช่วงบ่ายของวันที่ 20 ม.ค. ไบเดนระบุว่า ไม่มีเวลาจะเสียอีกแล้ว ทำให้ต้องมีทั้งการออกคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี บันทึกและการกำหนดแนวทาง
“ บางคำสั่งบริหารที่ผมกำลังจะเซ็นในวันนี้ จะช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 เรากำลังสู้กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการที่เราไม่เคยทำมาก่อน ผลักดันให้มีการลดความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติ และสนับสนุนชนกลุ่มน้อยอื่นๆ” ไบเดนกล่าว “ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
ทีมทำงานของไบเดนระบุว่า ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตได้ลงนามเพื่อกำหนดให้มีการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ราชการและสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐส่วนกลาง ซึ่งเป็นคำสั่งที่ทำให้ทำเนียบขาวต้องให้ความร่วมมือในการรับมือกับโควิด-19 และระงับการถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลกของสหรัฐฯ
ไบเดนลงนามในเอกสารที่จะเริ่มกระบวนการกลับเข้าร่วมเป็นสมาชิกข้อตกลงสภาพภูมิอากาศกรุงปารีสอีกครั้ง และออกคำสั่งในการรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงเพิกถอนใบอนุญาตของประธานาธิบดีที่ให้กับท่อน้ำมันคีย์สโตน XL ที่เป็นกรณีพิพาทกัน
ในส่วนของประเด็นการอพยพเข้าเมือง ไบเดนเพิกถอนประกาศฉุกเฉินของทรัมป์ที่ช่วยสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนประเทศ และยุติคำสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ สำหรับกลุ่มประเทศมุสลิมบางประเทศ
“ ในช่วงไม่กี่วันและสัปดาห์ต่อจากนี้ เราจะประกาศคำสั่งบริหารที่รับมือกับอีกหลายความท้าทาย และทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนชาวอเมริกัน” เจน พีซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุ
สิ่งที่จะทำต่อจากนี้คือการเพิกถอนคำสั่งห้ามไม่ให้คนข้ามเพศรับราชการทหาร และทบทวนนโยบายที่ปิดกั้นเงินทุนสหรัฐฯสำหรับโครงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง
ในด้านเศรษฐกิจ ไบเดนขอให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค. และกระทรวงศึกษาธิการระงับการจ่ายเงินกู้เพื่อการศึกษาของนักศึกษาออกไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.