“อดุลย์” ร่ำไห้ บรรจุอัฐิ วีรชนพฤษภา 35 ประกาศต้าน รปห.
บรรจุอัฐิ วีรชนพฤษภา 35 “อดุลย์” ร่ำไห้ ลูกมีบ้านอยู่แล้ว พรึ่บ อภิสิทธิ์ ธนาธร จตุพร ประกาศต้านรัฐประหาร
เมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 9 ก.ย. ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม สวนสันติพร ถ.ราชดำเนิน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 มูลนิธิพฤษภาประชาธรรม และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) จัดงานบรรจุอัฐิ วีรชนพฤษภา 2535 เพื่อนำอัฐิ ของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ทางการเมืองเดือนพฤษภาคม 2535 มาบรรจุไว้ในอนุสรณ์สภานพฤษภาประชาธรรม
โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 100 คน อาทิ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภาฯ 35 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คณะก้าวหน้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นางพะเยาว์ อัคฮาด หรือแม่น้องเกด (น.ส.กมนเกด อัคฮาด) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ อดีต เลขา ครป. โดยมีญาติวีรชนและสื่อมวลชน ร่วมทำข่าวจำนวนมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวรำลึกเหตุการณ์พฤษภา 35 ว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้มีวันนี้ได้ เพราะ 28 ปีจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ถือเป็นเวลาที่ยาวนาน มีปัญหาอุปสรรค์มากมาย แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจ ทำให้เกิดวันนี้ที่สามารถบรรจุอัฐิของญาติวีรชนได้ อย่างไรก็ตาม แม้ภารกิจอนุสรณ์สถานแห่งนี้จะสำเร็จเรียบร้อยแล้ว แต่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ที่จะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างแท้จริงต่อไป
จากนั้น นายอดุลย์ ได้กล่าวถ้อยแถลงและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล โดยก่อนกล่าว นายอดุลย์ ได้เดินไปที่ป้ายรายชื่อของผู้เสียชีวิต พร้อมกับก้มหน้าร้องไห้ ก่อนแถลงว่า ขอบคุณทุกคนที่ช่วยให้วีรชนมีบ้านอยู่ รวมทั้งลูกตนด้วย สถานที่แห่งนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีความรุนแรง หากอนาคตคิดมีการใช้ความรุนแรงต่อกัน ก็จงคิดให้รอบคอบ
นายอดุลย์ กล่าวว่า ญาติวีรชนขอประกาศว่า ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ใครจะทำรัฐประหารจงคิดให้รอบคอบ เพราะมีแต่ความเสียหาย ไม่เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ ญาติวีรชนยังเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้น ยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม จึงขอเรียกร้องนักการเมืองทั้งหลาย ให้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 นำพาความสงบสู่บ้านเมือง
“และขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวทุกด้าน ไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ ซ้ำยังเป็นตัวปัญหาใหญ่ของประเทศชาติอีกด้วย การลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ จะถอดสลักความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น และเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ ไม่ยอมให้เกิดการรัฐประหารแน่นอน ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละ และอย่าลืมว่าคนรุ่นใหม่ฉลาดกว่าคนรุ่นเก่ามาก”
นายธนาธร กล่าวว่า เหตุการณ์พฤษภา 35 เป็นบทเรียนว่าการทำรัฐประหาร ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาในสังคม เช่น การรัฐประหารปี 2534 นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภา 2535 การรัฐประหารปี 2549 นำไปสู่เหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.2553 นั่นหมายความว่า รัฐประหารแก้ไขปัญหาประเทศไม่ได้ ถ้าแก้ไขปัญหาได้จริง ประเทศไทยคงไปไกลแล้ว ดังนั้น ขอให้กลับมาเชื่อมั่นในพลังของประชาชน เชื่อในการแสวงหาทางออกของสังคม ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย จึงไม่จำเป็นต้องมีรัฐประหารและนายกฯคนนอก นอกจากนี้ เราคณะก้าวหน้า พร้อมต่อสู้หากเกิดการรัฐประหารขึ้นจริง และเชื่อว่าถึงวันนี้คนไทยจะไม่ยอมให้เกิดรัฐประหารขึ้นแน่นอน
นายจตุพร กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐประหารว่า การรัฐประหารอยู่คู่ประเทศไทย ไม่เคยมีครั้งสุดท้าย ไม่เคยสนใจบรรยากาศ สภาพเศรษฐกิจสังคมของประเทศในขณะนั้นๆว่าเป็นอย่างไร คนแต่ละยุคมักคิดว่าบรรยากาศประเทศในเวลานั้นๆ คงไม่มีใครกล้ารัฐประหาร แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าประเทศไทย จะไม่มีรัฐประหาร ยิ่งรัฐธรรมนูญปี 2560 จะเห็นว่าเป็นการออกแบบเพื่อส่งไม้ให้คณะรัฐประหารชุดใหม่ ดังนั้น การรัฐประหารเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะการรัฐประหารในประเทศไทยเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เพียงแต่การจะยึดอำนาจในอนาคตนั้นไม่ง่ายเหมือนในอดีต เพราะทุกคนมีสื่อเป็นของตัวเอง หากก่อรัฐประหารขึ้น จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ แม้ยึดได้ แต่อยู่ไม่ได้
นายพิภพ กล่าวว่า คนไทยถือว่าการรัฐประหาร จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ถ้ามาแล้วอยู่ยาว ก็จะถูกขับไล่เหมือนรัฐบาลปัจจุบัน ที่เข้ามาแล้วไมได้ทำการปฏิรูปเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อให้เกิดการสะสมปัญหา นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ยังเป็นการสืบทอดอำนาจ ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่ได้คิดแก้ไขเปลี่ยนแปลง จึงน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นในอนาคต ดังนั้น ขอร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันบรรเทาสถานการณ์