ระเบิดเวลาการเมืองปี 2563
ปมเศรษฐกิจระเบิดสังหาร “รัฐบาลบิ๊กตู่”
การเมืองปี 2563 ยังคงร้อนแรง เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นรัฐบาลน้ำขึ้น-น้ำลง ระเบิดเวลา 4 ลูก นับถอยหลัง รอวันปะทุ!!!
ระเบิดลูกที่ 1 การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระสอง และวาระสาม ในวันที่ 8-9 มกราคม
เป็นการทุบคลังแสง-เสบียงกองทัพ ตีแผ่การใช้งบลับ-งบกลาง 5 แสนล้านบาท และการใช้เงินประชารัฐกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ ตลอดงบประมาณท้องถิ่น-เบี้ยหัวแตก
แม้พรรคฝ่ายค้านไม่คิดการณ์ใหญ่ คว่ำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ทว่าเป็นการเปิดแผลติดเชื้อ ภาคต่อของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2
ระเบิดลูกที่ 2 การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 รัฐมนตรี อาทิ 1.พล.อ.ประยุทธ์ 2.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และ 4.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
กระตุกต่อมธรรมาภิบาล เป็นลูกติดพันตั้งแต่ในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 1 – คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจเติมเชื้อฟืน สุมไฟในสภา-นอกสภา
พรรคฝ่ายค้านหวังสูงล้มพล.อ.ประยุทธ์-พลังประชารัฐให้กลับตาลปัตรไปเป็นฝ่ายค้าน พลิกขั้วรัฐบาล
ระเบิดลูกที่ 3 การรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดี “เงินกู้” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และการนัดอ่านคำวินิจฉัยตัดสินคดีล้มล้างการปกครอง ในวันที่ 21 มกราคม เวลา 11.30 น. ของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นระเบิดเวลาที่มาก่อนเวลาในอันควร และอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญในปี 2563
ระเบิดลูกที่ 4 การแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ระยะเวลา 120 วัน
กลางปี 2563 การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นระเบิดลูกใหญ่ ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งจากการเมืองในสภา และการเมืองบนท้องถนน
นอกจากระเบิดเวลาทางการเมือง 4 ลูก ที่นับถอยหลังระเบิดในปี 2563 แล้ว ยังมีสะเก็ดระเบิดจากปัญหาเศรษฐกิจ และอาจนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ 2/2
โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจ ภายหลังรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2/1 ทำงานมาได้ 5 เดือน ผลงานยังไม่เข้าตา ประชาชนไม่ลืมตาอ้าปาก – ความรู้สึกว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ ซ้ำเติมด้วยมรสุมเศรษฐกิจโลก-สงครามการค้าที่ยังไม่ลดราวาศอก และปัญหาค่าเงินบาท ส่งผลกระทบต่อการส่งออก และราคาสินค้าเกษตรให้ดำดิ่ง รายได้ภาคการเกษตรขาดมือ กระทบชิ่งต่อกำลังการซื้อ ลามไปถึงธุรกิจรายใหญ่-รายย่อย
โดยในปี 2563 รัฐบาลเตรียมเข็นมาตรการแก้ปัญหาปากท้องตามกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้ 1.กลุ่มเกษตรกร 2. กลุ่มผู้มีรายได้น้อย เน้นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14.6 ล้านคน 3.กลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 11.35 ล้านคน โดย 8.4 ล้านคนได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 4.กลุ่มลูกจ้าง และ 5.กลุ่ม ผู้ประกอบการ SMEs และ startups กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดจิ๋ว-เล็ก-กลาง
ไม่ว่าระเบิดการเมืองทั้ง 4 ลูก ลูกใดจะด้าน-ลูกใดจะส่งเสียงกัมปนาทก่อนกัน ทว่าปัญหาเศรษฐกิจจะเป็น “ระเบิดสังหาร” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ในปี 2563 โดยไม่ต้องคาดเดา