“สนธิ ลิ้มทองกุล” ลงถนนครั้งสุดท้าย ในวัย 78?
เดิมพันล้มรัฐบาล “สนธิ ลิ้มทองกุล” ลงถนนครั้งสุดท้าย ในวัย 78?
สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาประกาศว่ากำลังเตรียมตัวลงถนนเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ารัฐบาลยังดึงดันทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
สนธิ ประกาศ บนเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ว่ารัฐบาลที่นำโดยแพรทองธาร ชินวัตร ต้องมีคำตอบและดำเนินการ 3 เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น เจอกันแน่
1)ให้ติดตามเรื่องราวที่ตนถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ซึ่งยังหาคนร้ายไม่ได้ มีแต่หมายจับ ก็พอจะคาดเดากันว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นใคร
2)จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่าทำไมจึงมีชาวเมียนมาเต็มเมือง มาอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก และขอให้ยืนยันว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท สำหรับแรงงานไทยเท่านั้น ส่วนค่าแรงของแรงงานเมียนมาได้เท่าเดิม
3) ภายในประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า จะปล่อยให้รัฐบาลทำงานสักพัก หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือผิดจริยธรรม จะรวบรวมทั้งหมดเลย ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ควรจะอยู่ต่อไป
“เรื่องที่ 1-2 คือการซ้อมเดิน เรื่องที่ 3 คือการเดินจริง บอกแล้วว่าปลายทางเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่จะทิ้งไว้ให้สังคมไทย แต่การจัดการเดินนั้นจะเป็นการเดินครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม“
วันที่ 24 พ.ย.67 สนธิ จัดเวทีความจริงมีหนึ่งเดียวอีกครั้งพร้อม ประกาศว่า “ผมอายุมากแล้ว 78 แล้ว ก็คงไม่อยากลงถนน แต่ถ้าจำเป็น เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ผมก็จะทำ แต่ ณ วันนั้นขอพิจารณาตามสถานการณ์ “
“ผมคิดว่าตอนนี้มันเริ่มร้อนแรงขึ้นมาแล้ว แต่อาจจะต้องรอให้มันเดือดกว่านี้นิดหน่อย สำหรับประชาชนอย่างผม สถานการณ์มันใกล้สุกงอมแล้ว“สนธิ กล่าว
คำถามคือถ้าสนธิ ลิ้มทองกุล ลงถนนเข้าจริงๆ จะสามารถปลุกระดมมวลชนได้มากน้อยแค่ไหน
เพราะต้องอย่าลืมว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว นำโดย พรรคเพื่อไทย และมีพรรคการเมือง ทั้งที่สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร และไม่เอาทักษิณ ชินวัตร รวมอยู่ด้วย
ดังนั้น การจะก่อม็อบในห้วงเวลานี้ จึงคาดการณ์ว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเท่าที่ควร เพราะคนที่เคยต่อต้านทักษิณ ก็มาอยู่ร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ และคนของพรรคพลังประชารัฐส่วนหนึ่ง
อีกประเด็นที่มองว่า ม็อบในเวลานี้ยังจุดไม่ติด ก็คือความสุกงอมของสถานการณ์ เพราะเอาเข้าจริง รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 3 เดือน ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และยังไม่มีการดำเนินการเรื่องใดที่สุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
หลายคนมองว่าประเด็น MOU 44 การเจรจาผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา จะเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการชุมนุมครั้งใหญ่ขึ้นได้
ซึ่งเรื่องนี้หากรัฐบาลทำให้เกิดความกระจ่าง ตรงไปตรงมา มีความโปร่งใส ก็เชื่อว่าจะผ่านไปได้ไม่ยากนัก และจะไม่ใช่ชนวนที่จะก่อให้เกิดการชุมนุมใหญ่
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของสนธิ ลิ้มทองกุล เชื่อว่าจะยังไม่มีการชุมนุมใหญ่ในเร็ววันนี้ แต่จะเป็นการค่อยๆสะสมกำลังไปเรื่อยๆ รอจนกว่าสถานการณ์จะสุกงอมเพียงพอ จึงจะมีการชุมนุมใหญ่อย่างแท้จริง
“สนธิ” ได้เกริ่นกับมวลชนผู้สนับสนุนว่า ในช่วงปีหน้า จะจัดเวทีความจริงมีหนึ่งเดียวทุกเดือน เพื่อบอกกล่าว บอกเล่าสถานการณ์ทางการเมือง ให้ประชาชนได้รับทราบ
ซึ่งนั่นเป็นความเคลื่อนไหวคล้ายกับเมื่อครั้งก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในปี 2548 ที่ “สนธิ” ค่อยๆเลี้ยงสถานการณ์
รอจนถึงจุดที่คิดว่าสุกงอม จึงลงถนนขับไล่รัฐบาล