“จุฑาพร” ชี้ เงินเฟ้อรุนแรง ค่าครองชีพสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น รายได้คนไทยขึ้นไม่ทันรายจ่าย
นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาเงินเฟ้อมีความรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคนไทย เนื่องจากราคาข้าวของ สินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ค่าครองชีพสูง แต่รายได้ และค่าแรงปรับตัวขึ้นไม่ทันรายจ่ายที่ประชาชนต้องแบกรับ
แม้เงินเฟ้อเดือนกันยายนจะปรับตัวต่ำลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ 6.41% แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการขึ้นราคาพลังงาน และอาหารสด ขณะนี้พื้นที่ทางการเกษตรของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเป็นอย่างมาก
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนกันยายนอยู่ที่ 8.2% เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคมที่ 8.3% ซึ่งถือว่ายังสูงอยู่ ธนาคารกลางสหรัฐ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ขึ้นติดต่อกันของปีนี้ และภายในสิ้นปีนี้ คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ จะขึ้นดอกเบี้ยอีกราว 1.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 4.25-4.50 % หากเงินเฟ้อในสหรัฐยังไม่ลด และไทยเอง ธนาคารแห่งประเทศไทย โดย กนง. ก็มีแนวโน้มสูงที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยตามอีกครั้งในการประชุมกนง.เดือนหน้า การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้เงินเฟ้อ จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้น
ปัญหาเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ กระทบคนทุกรุ่น แต่คนเจน Z น่าเป็นห่วงสุด เพราะจะเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาวะเศรษฐกิจถดถอย โอกาสในการสร้างความมั่งคั่งน้อยกว่าคนรุ่นก่อนมาก กว่า 1 ใน 3 กังวลปัญหาค่าครองชีพมากที่สุด และโอกาสในการออมเงินเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ ทำได้ยากกว่าคนรุ่นก่อน เพราะราคาที่สูงขึ้น แต่รายได้ยังต่ำ เพิ่มความเครียด และก่อให้เกิดอาการหมดไฟในคนกลุ่มนี้ได้ง่าย เพื่อไทยพร้อมสนับสนุน คนรุ่นใหม่ให้พัฒนาทักษะ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจยุคหลังโควิด 19
ภายในสิ้นเดือนนี้ คาดมีประชาชนลงทะเบียนบัตรคนจนเกิน 23 ล้านคน ทำให้ 1 ใน 3 ของคนไทยเป็นคนจน ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะกระทบการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สร้างปัญหาสังคม และปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาในภายหลัง
ทั้งนี้ การแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน เป็นคุณสมบัติของผู้นำที่ดี นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ลิส ทรัส ประกาสลาออกภายหลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 45 วัน เพราะไม่สามารถแก้วิกฤตเศรษฐกิจของอังกฤษได้ และที่ผ่านมายังมีผู้นำของโลกอีกหลายท่านที่ประกาศลาออกหลังดำเนินนโบบลายล้มเหลว เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน หากแต่ผู้นำของเราศึกษาจากท่านอื่นที่เป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว ประเทศของเราคงไม่บอบช้ำอย่างเช่นที่เป็นที่อยู่ทุกวันนี้
ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ดูตัวอย่างความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวและยินยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการบริหารประเทศโดยเร็วเพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาต่อไปได้ อย่าให้มรดกของพลเอกประยุทธ์เป็นตราบาปให้กับคนไทยมากกว่านี้