อดีตไทยรักษาชาติ พักการเมือง หันหน้าทำธุรกิจ ตั้งเป้าเจาะตลาดโลก
อดีตไทยรักษาชาติ เบรกการเมือง หันทำธุรกิจเปิดตัว ‘วินน์’ ปั้นตลาดอีคอมเมิร์ซ หอบผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดโลก
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคทั้ง 13 คนถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี จึงตัดสินใจจดจัดตั้ง บริษัทวินน์ แคปปิตอล จำกัด ขึ้น เพื่อทำตามแนวคิดและเจตนารมณ์ที่มีร่วมกัน วินน์ คือ องค์กรธุรกิจที่เป็นการรวมตัวกันของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก มีประสบการณ์ในการเข้าถึงความต้องการของผู้ประกอบการในชุมชนต่างๆทั่วประเทศ มีเป้าหมายและความมุ่งมั่นคัดสรร พัฒนา และนำสินค้าของผู้ประกอบการคนไทยไปสู่ตลาดโลก ผ่านช่องทางดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรืออีคอมเมิร์ซ ซึ่งจุดหมายแรกที่จะไปคือ ประเทศจีน และมีแผนจะขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่นๆทั่วโลกในอนาคต
สำหรับสินค้าของร้านวินน์ (VIN海外专营店) ขณะนี้มีทั้งหมด 3 ประเภท ในเฟสแรกจะเป็นสินค้ากลุ่มความงาม เครื่องสำอาง จำหน่ายไปยัง Tmall Global และเฟสสองจะเพิ่มผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพและอาหาร จำหน่ายไปยัง Taobao ทั้งสองช่องทางเป็นแพลตฟอร์มเว็บไซต์ของอาลีบาบาที่มีแบรนด์สินค้าจากทั่วโลกไปจำหน่าย ในปี 2563 มีลูกค้าจีนมากถึง 779 ล้านราย และสินค้านำเข้าสร้างยอดขายกว่า 17,250 ล้านบาท เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้น
ด้านฤภพ ชินวัตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและเทคโนโลยี กล่าวต่อว่า ประเทศจีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการจับจ่ายสูง เฉลี่ย 37,704 บาทต่อคนต่อปีในตลาดอีคอนเมิร์ซ เมื่อมีสถานการณ์โควิด ทำให้การค้าขายออนไลน์เพิ่มขึ้นมาก โดยเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดเป็นประเทศแรกๆ อีกทั้งชาวจีนยังมีความผูกพันธ์กับชาวไทยเสมือนเป็นพี่น้องกัน จึงมีความเชื่อมั่นและนิยมซื้อสินค้าไทย เราจึงเลือกจีนเป็นประเทศแรกที่จะนำสินค้าไปจำหน่าย
ด้านคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวต่อว่า วินน์พร้อมช่วยผู้ประกอบการไทย ตั้งแต่คิดออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดการเรื่องกฎหมาย และใบอนุญาตต่างๆ การหาตลาดในต่างประเทศ ตลอดจนการขนส่งสินค้าไปยังผู้บริโภคทั่วโลก เพราะการนำสินค้าไปขายยังแพลตฟอร์มในต่างประเทศนั้น มีหลายอุปสรรคและข้อจำกัด อีกทั้งปัญหาในการลงทุนระหว่างประเทศมีขั้นตอนและข้อกฎหมายที่สลับซับซ้อน จึงทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดโลกได้ เพราะภาครัฐไม่ได้เอื้ออำนวย หรือมีนโยบายในการสนับสนุนการส่งสินค้าไปขายยังแพลตฟอร์มต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม หรือลดกฎเกณฑ์ต่างๆในการส่งออก ส่วนมากจะเป็นการจัดงานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่ไม่เป็นการสนับสนุนในระยะยาว
ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดกล่าวว่า วันนี้วินน์เลือกจับตลาดสินค้าด้านความงามเป็นอันดับแรกเพราะเป็นการต่อยอดสินค้าจากวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของไทย วินน์คัดสรรสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม อาทิ หอยเป๋าฮื้อจากภูเก็ตที่นำมาสกัดเย็นจนเป็นคอลลาเจนที่มีคุณภาพ สารสกัดจากน้ำยางและเมล็ดยางพาราที่ช่วยรักษาผิวให้สามารถฟื้นตัวจากการอักเสบได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อหวังให้เกษตรกรไทยมีแนวทางในการต่อยอดทั้งด้านคุณภาพและราคาของสินค้าเกษตรได้
ขณะที่ พยุงศักดิ์ ชาญด้วยวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวต่อว่าสินค้าวินน์ยังมี Brand DNA ที่แตกต่างซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดสรร 6 ข้อ คือ ต้องมีคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ มาตรฐานความปลอดภัย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ วัตถุดิบและภูมิปัญญามาจากชุมชน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ในการสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า
พร้อมกันนี้ ต้น ณ ระนอง ฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์และการขนส่งกล่าวว่า วินน์ต้องการเห็นผู้ผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ หุ้นส่วนทางธุรกิจ และผู้บริโภคสินค้า ชนะไปด้วยกัน ผู้ผลิตเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้กับหุ้นส่วนทางธุรกิจ และผู้บริโภควางใจว่าจะได้รับสินค้าคุณภาพดี เพราะเป้าหมายในการทำธุรกิจไม่ได้ตั้งอยู่เพียงแค่เรื่องผลกำไร แต่มีแรงบันดาลใจในการดำเนินกิจการเพื่อสังคมร่วมอยู่ด้วย
“นี่คือโอกาสสำคัญในการผลักดันให้ธุรกิจไทยได้เติบโต พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจสมัยใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าและโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของโลก” ร.ท. ปรีชาพล กล่า