ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ปรับลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน
ดัชนีความเชื่ออุตสาหกรรมปรับตัวลดลงเล็กน้อย ตามจำนวนวันทำงานที่น้อยกว่าปกติเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังคงกังวลกับต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ราคาวัตถุดิบ และค่าแรงขั้นต่ำ
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. 61 อยู่ที่ 89.9 จาก 91.0 ในเดือนม.ค.2561 “เป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จากองค์ ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ”
โดยในเดือนก.พ. พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดย่อมและขนาดกลางปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า สาเหตุจากความกังวลต่อต้นทุนการผลิตทั้งจากราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างขั้นต่ำที่เตรียมปรับขึ้น รวมทั้งตลาดมีการแข่งขันสูง ประกอบกับในเดือนก.พ. มีวันทำงานที่น้อยกว่าปกติ รวมทั้งมีวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการส่งออกก็ยังมีความกังวลต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้กระทบต่อการกำหนด ราคาขายสินค้า
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยังอยู่ในระดับดี สะท้อนจากดัชนีฯ ยอดรับคำสั่งซื้อ และยอดขายในต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ โดย เฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ อาหาร ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 102.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 101.1 ในเดือนม.ค.
ด้านผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นฯ รายภูมิภาค จากการสำรวจ พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ ปรับตัวลดลงจากเดือนม.ค. ขณะที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ปรับ ตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.
และดัชนีความเชื่อมั่นฯ จำแนกตามร้อยละของการส่งออกต่อยอดขาย จากการสำรวจพบว่า กลุ่มที่มีการส่งออกน้อยกว่า 50% ของยอดขาย (เน้นตลาดในประเทศ) ดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ที่ระดับ 87.2 ปรับตัวลดลงจากระดับ 88.6 ในเดือนม.ค. องค์ประกอบดัชนีฯที่ปรับตัวลดลง ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และ ผลประกอบการ
สำหรับอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ที่ค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์, อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์, อุตสาห กรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มที่มีการส่งออกตั้งแต่ 50% ของยอดขายขึ้นไป (เน้นตลาดในต่างประเทศ) ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 101.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 99.3 ในเดือนมกราคม องค์ประกอบดัชนีฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
สำหรับอุตสาหกรรมในกลุ่มนี้ที่ค่าดัชนีฯ เพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ,อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะการ, อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น เป็นต้น
ส่วนข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐ ประกอบด้วย การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ, การเจรจากับประเทศที่มีนโยบายกีดกันทางการค้า เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคในการค้าการลงทุน, การเร่งรัดการจัดทำมาตรฐานสินค้าให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม และการสนับสนุนการขยายตลาดสินค้าอุตสาหกรรมในท้องถิ่นที่ใช้แรงงานฝีมือ เช่น สินค้าหัตถกรรมและเซรามิก.