ถอนขน รสก.ตามเป้า – จี้ลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ
“สคร. แจงผลจัดเก็บเงินนำส่งรายได้ ณ สิ้น ส.ค.63 พุ่ง 1.82 แสนล้านบาท ตรงตามเป้าหมายทั้งปี โดยมี สนง.สลากกินแบ่งฯ นำโด่งอันดับหนึ่ง กว่า 4.25 หมื่นล้านบาท ทิ้งอันดับสอง อย่าง ปตท.กระจุย ส่วนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ “กฟผ.-รฟม.” ยังควงแขนนำลงทุนลิ่ว ขณะที่ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ และทางด่วนพิเศษ วงแหวนตะวันตก ยังล่าช้าเหมือนเดิม ชี้! รัฐลงทุนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายประภาศ คงเอียด ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่างถึงการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 (กิจการฯ) ในเดือน ส.ค. 2563 ว่า สคร.สามารถจัดเก็บรายได้ 11,512 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจาก บมจ.กสท โทรคมนาคม, สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมจากรัฐวิสาหกิจ และกิจการฯ ในช่วง 11 เดือน (1 ต.ค.2562 – 31 ส.ค. 2563) 182,288 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการสะสมจำนวน 10,645 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 97 ของเป้าหมายทั้งปีงบประมาณ 2563 จำนวน 188,800 ล้านบาท
โดย รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาได้แก่ 1.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 42,521 ล้านบาท 2.บมจ.ปตท. 29,198 ล้านบาท 3.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 28,619 ล้านบาท 4.ธนาคารออมสิน 18,000 ล้านบาท 5.บมจ.ท่าอากาศยานไทย 10,500 ล้านบาท 6.บมจ.กสท โทรคมนาคม 8,890 ล้านบาท 7.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 6,715 ล้านบาท 8.การท่าเรือแห่งประเทศไทย 6,230 ล้านบาท 9.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 5,922 ล้านบาท 10.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 5,660 ล้านบาท และ 11.อื่นๆ อีก 20,033 ล้านบาท
อนึ่ง ข้อมูลเงินนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง โดย สคร. จัดเก็บ ซึ่งไม่รวมเงินนำส่งรัฐประเภทอื่น เช่น ภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ
นอกจากนี้ สคร.ยังได้รายงานผลการติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2563 ของรัฐวิสาหกิจ 44 แห่ง ที่ สคร. กำกับดูแล โดย นายประภาศ ระบุว่า ณ สิ้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา พบการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 143,973 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 84 ของแผนการเบิกจ่ายสะสม โดยรัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนขนาดใหญ่และสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บมจ. ปตท. และการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง
ด้าน น.ส.ปิยวรรณ ล่ามกิจจา รอง ผอ. สคร. รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ กล่าวเสริมว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจ 44 แห่ง แบ่งเป็นการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณ 34 แห่ง 78,654 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 72 ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 10 เดือน (ตั้งแต่ ต.ค.2562 – ก.ค.2563) และการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจปีปฏิทิน 10 แห่ง 65,319 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 103 ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม
ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค.- ก.ค.2563) มี โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถเบิกจ่ายได้เกินกว่าเป้าหมาย เช่น โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าภาคใต้ตอนล่างและภาคตะวันตกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ของ รฟม.
สำหรับ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เบิกจ่ายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ยังคงเป็นโครงการที่ล่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย และโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกตะวันตกของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
“ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ในประเทศเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ ผลกระทบของโรค COVID – 19 ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัว ซึ่งการลงทุนของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ ดังนั้น สคร. จะกำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ด้วย” นายประภาศ กล่าวสรุป.