คลังเร่งสร้างสวนป่า ‘เบญจกิติ’ ให้ทันงานวันเฉลิมฯ 12 ส.ค.
“สันติ” เปิดโต๊ะประชุมฯจัดสร้างสวนป่า ‘เบญจกิติ’ พร้อมเดินหน้าปรับแผนแบ่งเป็น 2 ระยะ ‘สวนป่า- พิพิธภัณฑ์’ สั่งเร่งให้เสร็จก่อน 12 ส.ค.นี้ ตั้งเป้าให้ทันจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก่อนจ่อสร้างหอสูงชมเมือง 360 องศาเพิ่มเติมในพื้นที่สวนป่า หวังให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะ ประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างสวนป่าเบญจกิติ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯชุดนี้ ครั้งที่ 1/2563 โดยมี ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวที่ข้อง ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 1 กระทรวงการคลัง ว่า ที่ประชุมหารือถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานสร้างสวนป่าเบญจกิติ บนเนื้อที่ 259 ไร่ ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันที่ 12 ส.ค.2564 ทั้งนี้ ได้ปรับแผนการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ซึ่งกรมธนารักษ์จัดทำแผนการดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบแล้ว และ กยท. ได้ทำการส่งมอบรับมอบพื้นที่โรงงานยาสูบได้ครบทั้ง 3 ระยะ ไปแล้วเมื่อกลางเดือน มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการก่อสร้างสามารถดำเนินการได้ทันที โดยในระยะที่ 1 คือ ช่วง 8 เดือนแรก กำหนดเป้าหมายการก่อสร้างพื้นที่ในส่วนสวนป่าให้แล้วเสร็จ ภายในเดือน มิ.ย. 2564 เพื่อให้มีช่วงเวลาจัดเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติวันที่ 12 ส.ค. 2564 และระยะที่ 2 คือช่วง 8 เดือนหลัง ก่อสร้างปรับปรุงอาคารพื้นที่เดิมให้เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ ให้แล้วเสร็จในเดือนก.พ.2565 จากเดิมต้องดำเนินการทั้ง 2 ระยะให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. 2564 ซึ่งการปรับแผนสร้างสวนป่าเบญจกิติ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการส่งมอบพื้นที่ของ กยท. ที่ได้ส่งมอบพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วใน 3 ระยะ
“หลังจากส่งมอบพื้นที่ระยะ 3 แล้ว ต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 100 วัน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการรื้อถอนไปเมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ เท่าที่ประเมินปริมาณงานก่อสร้างและรื้อถอน ต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน และอาจส่งผลต่อแผนการสร้างสวนป่า ที่ต้องใช้ระยะเวลา 16 เดือน ทั้งในการก่อสร้างสวนป่า และพิพิธภัณฑ์ ที่จะให้แล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.2564 จึงต้องมีการปรับแผนงานก่อสร้างใหม่ ซึ่งผมได้กำชับไปแล้วว่าในส่วนของงานสวนป่าต้องเสร็จสมบูรณ์ 100 % ภายในเดือน มิ.ย. 2564 เพื่อให้สามารถเตรียมงานด้านอื่นๆ ให้ทันกับ การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จฯพระพันปีหลวง วันที่ 12 ส.ค.2564” นายสันติ กล่าว
ทั้งนี้ ในการปลูกต้นไม้ในสวนป่าเบญจกิติ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ให้เสนอข้อแนะนำในการออกแบบสวนป่า ให้เป็นไปตามกระแสพระราชดำริของสมเด็จฯพระพันปีหลวง โดยออกแบบภูมิสถาปัตย์ให้มีต้นไม้ที่ออกดอกเป็นกลุ่มตามลักษณะพันธ์ไม้ดอกที่มีสีใกล้เคียงกัน เช่น ตะแบก อินทนิลเสลา เป็นสีม่วงปลูกรวมกัน เวลาออกดอกก็จะหนาแน่น เหมือนในต่างประเทศที่ปลูกซากุระ ซึ่งผู้ออกแบบเสนอผังการปลูกต้นไม้เป็นกลุ่มออกดอกทั่วสวนตลอดทั้งปี โดยมีพันธ์ไม้สำคัญ เช่น ชมพูพันธุ์ทิพย์ออกดอกสีชมพูช่วงเดือนธันวาคม สื่อถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกฝั่งต้นไม้ดอกเป็นสีส้ม ออกดอกช่วงเดือนสิงหาคม สื่อถึงสมเด็จฯพระพันปีหลวง แกนกลางสวนเป็นต้นรวงผึ้ง มีดอกสีเหลือง กลิ่นหอม เป็นต้นไม้ประจำพระองค์ รัชกาลที่ 10 ออกดอกในช่วงเดือน ก.ค.
นอกจากนี้ ที่ประชุมหารือถึงการสร้างหอสูงชมเมืองเฉลิมพระเกียรติในพื้นที่สวนป่าเบญจกิติ ล่าสุด ผู้ออกแบบเสนอแนวคิดก่อสร้างหอสูงชมเมืองเป็นรูปดอกบัวกลางน้ำ ประชาชนสามารถขึ้นไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ชมภูมิทัศน์ กรุงเทพฯ แบบ 360 องศา โดยจะให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย เพราะสวนป่าแห่งนี้ ได้ดำเนินการบนพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงใจกลางเมือง ไม่สามารถหาได้อีกด้วยคุณค่าที่มีมหาศาล ดังนั้นน่าจะเตรียมสัญลักษณ์สำคัญเป็นที่เชิดชูในอนาคต นอกจากจะให้คนไทยเข้ามาเยี่ยมชมแล้ว ยังจะเป็นจุดดึงดูดที่สำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
“ผืนป่าแห่งนี้นอกเหนือจากเป็นปอดของคนกรุงเทพ ที่จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และดูแลด้านสิ่งแวดล้อม แล้ว ยังเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯทุกคน ที่แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมของประชาชน เพราะไม่ว่าคนในระดับใด ทุกสาขาอาชีพ ทุกชาติศาสนา สามารถมาเยี่ยมชม มาใช้ สวนป่าเบญจกิติ ซึ่งถือเป็นสมบัติที่มีคุณค่าของประเทศได้” นายสันติ ระบุ.