ดัชนีความเชื่อมั่น SME พ.ค.พุ่งสูงสุดรอบ 5 เดือน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือน พ.ค. 63 เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลังรัฐบาลคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดันยอดขายสินค้าและบริการปรับตัวดีขึ้น
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 ว่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2563 ที่ระดับ 27.6 มาอยู่ที่ระดับ 40.9 ถือว่าปรับตัวดีขึ้นมาก ตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 เดือน แต่ยังคงต่ำกว่าฐาน 50 สะท้อนภาพรวมภาวะธุรกิจ SME ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลใจ แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการผ่อนปรนมาตรการของภาครัฐที่ให้สถานประกอบการหลายแห่งเปิดดำเนินการได้ และลดข้อจำกัดการเดินทางในประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวในทุกภูมิภาค
ทั้งนี้สาเหตุการปรับขึ้น เนื่องจากองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต การค้าและบริการ และกำไร ที่ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากมาอยู่ที่ระดับ 35.2 35.6 และ 35.1 ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านการลงทุน และการจ้างงาน เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 43.9 และ 42.5 ตามลำดับ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค และเกือบทุกสาขาธุรกิจ เนื่องจากการผ่อนปรนมาตรการของภาครัฐมากขึ้นทำให้สถานประกอบการเริ่มดำเนินการได้ และจำหน่ายสินค้าและให้บริการได้ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
โดยภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคบริการ มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 39.9 42.2 และ 40.3 ตามลำดับ ส่วนสาขาที่มีค่าระดับดัชนีฯ สูงที่สุด และเพิ่มมากที่สุด คือ บริการสุขภาพและเสริมความงาม อยู่ที่ระดับ 46.1 เพราะการปิดสถานประกอบการหลายเดือน ยอดใช้บริการจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากภายหลังการเปิดกิจการได้
อย่างไรก็ตามจากการจำกัดคนใช้บริการ ทำให้สถานประกอบการยังมีข้อจำกัดในการให้บริการ เช่นเดียวกับร้านค้าปลีกที่ค่าดัชนีฯก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะร้านค้าอุปโภค/บริโภค (Modern trade) เพราะได้ขยายเวลาเปิดกิจการส่งผลให้ยอดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 60.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สูงสุดในรอบ 8 เดือน ที่ระดับ 53.0 ซึ่งเป็นการปรับตัวค่อนข้างมาก และสูงกว่าค่าฐาน 50 เพราะผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่มองสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปัจจุบัน จากสัญญาณบวกของการขยายตัวกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเริ่มจำหน่ายสินค้าและบริการได้มากขึ้น
อีกทั้งสถานการณ์การติดเชื้อได้คลี่คลายลงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SME คาดการณ์ทั้งกำลังซื้อ การผลิตทั้งสินค้า และการให้บริการ รวมไปถึงผลประกอบการเพิ่มขึ้น แต่ยังมีความกังวลเรื่องต้นทุนสินค้าที่จะสูงขึ้นในอนาคตและข้อจำกัดการเดินทางมาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ
ส่วนปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อกิจการ SME ประเทศในเดือนนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและอำนาจซื้อของประชาชน 2. มาตรการในด้านต่างๆ ของรัฐบาล และ3. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การแข่งขันในตลาด และราคาต้นทุนสินค้า/ค่าแรงงาน