ธอส.ปล่อยกู้ใหม่ 9 หมื่นล.- ตัดหนี้ ขรก. 50%
ธอส.เด้งรับ 3 ภารกิจหลัก หลัง “อุตตม” ขีดเส้นนโยบายสุดเข้ม! พร้อมคลอด 3 มาตรการเงินกู้ใหม่ รับเกณฑ์ใหม่ LTV รวมวงเงิน 9 หมื่นล้านบาท เผยจ่อออกสลากออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.76% เอามาใช้ปล่อยกู้ครั้งนี้ ลั่นพร้อมลดค่าผ่อนหนี้กลุ่ม “ขรก.-จนท.รัฐ” มากถึง 50% ระบุ แค่ตัดส่วนเพิ่มจาก “ดอกเบี้ยและค่าปรับ” ย้ำไม่ทำให้รัฐเสียหาย
“3 ภารกิจสำคัญ” ที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง มอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รับไปดำเนินการ เร่งด่วน ระหว่างตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายฯ เมื่อช่วงสายวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย
1.ภารกิจที่ช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงโอกาสการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ผ่านโครงการเงินกู้และมาตรการดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน อันจะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย
2.ภารกิจใช้ฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ ธอส.กลายเป็นกลไกหลักสำคัญ เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรับเหมาก่อสร้างและแรงงาน วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ เพื่อดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม นอกจากนี้ ให้ติดตามและขยายผลมาตรการที่ดำเนินการในปัจจุบันด้วย
และ 3.ภารกิจการนำเทคโนโลยีและฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 3.7 ล้านคน ไปใช้ประโยชน์ในการขยายผล โดยเฉพาะข้อมูลการใช้ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ รวมถึงดูแลสวัสดิการด้านอื่นๆ แก่ประชาชน ผ่านมาตรการเพิ่มเติมใหม่
ไม่เพียงแค่นั้น ธอส.ยังต้องเชื่อมต่อฐานข้อมูลอื่นๆ ที่มีภาครัฐ หลังจากที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทย รับดำเนินการโครงการและมาตรการที่สำคัญ อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการ “ชิมช้อปใช้” และระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ซึ่งธนาคารกรุงไทยถือ “ข้อมูลบุคคล” ระดับ BIDG DATA จากโครงการและมาตรการข้างต้น รวมกันมากถึง 31-32 ล้านคน หรือคิดเป็น 47% ของประชากรไทย จึงน่าที่ ธอส.ควรจะใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุด ทั้งขององค์กรและระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงนำไปดูแลประชาชน
ทั้งนี้ ธอส. ภายใต้การนำของ นายปริญญา พัฒนภักดี ปธ.กก. ธอส. และ นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก. ธอส. รวมถึงคณะผู้บริหารฯ ต่างน้อมรับแนวนโยบายข้างต้น พร้อมเร่งรัดโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ควบคู่ไปกับการออกโครงการใหม่ๆ มาเพื่อการนี้
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการนั้น นายฉัตรชัย ระบุว่า โครงการบ้านล้านหลัง เริ่ม ม.ค.2562 – ธ.ค.2564 มีที่ยื่นความจำนง 22,000 ราย วงเงิน 1.7 หมื่นล้าน อนุมัติไปแล้วกว่า 90% หรือกว่า 21,000 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 1.5 หมื่นล้านบาท
ในส่วนโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. วงเงิน 50,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 2.50% ต่อปี 3 ปีแรก เริ่มปล่อยสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.2562 พบว่า มีผู้ยื่นขอกู้ 10,000 ราย วงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยอนุมัติได้ถึง 9,000 ราย วงเงิน 17,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการบ้านดีมีดาวน์ ที่รัฐบาล โดย ธอส. มอบส่วนลดเงินดาวน์บ้านให้ผู้ที่ลงทะเบียนรายละ 50,000 บาทนั้น ข้อมูลล่าสุด พบว่ามี ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 90,000 ราย แต่ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เพียง 50,000 ราย และอยู่ระหว่างการโอนเงินไปให้ ซึ่งถึงตอนนี้ โอนส่วนลดเงินดาวน์ไปให้แล้ว 5,700 ราย
ทั้งนี้ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ยอมให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ สำหรับบ้านหลังแรกได้ 100% + 10% ส่วนเงินกู้สัญญาที่ 2 ธปท.ได้ลดเงินดาวน์จาก 20% เหลือ 10% ควบคู่ลดเวลาผ่อนสัญญาแรกจาก 3 ปี เหลือ 2 ปีที่จะ “ไม่นับเป็นสัญญาแรก” หลังที่ 2 มีการผ่อนปรนนั้น ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อตามเกณฑ์ใหม่ไปแล้วกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งทำให้ผู้ขอกู้เงินได้รับวงเงินเพิ่มจากเดิมราว 5-15%
ในส่วนโครงการสินเชื่อใหม่นั้น ธอส. มีแผนการให้สินเชื่อผ่าน 3 มาตรการสินเชื่อ รวมวงเงิน 90,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ บ้าน ธอส. เพื่อสานรัก ปี 2563 โดยปล่อยสินเชี่อให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 35,000 บาทต่อเดือน (กลุ่มโซเชียล) เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยมีวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี
และโครงการสินเชื่อบ้าน Dream Homes by GHB ให้กับผู้มีรายได้มากกว่า 35,000 บาทต่อเดือน (กลุ่มบิสซิเนส) โดยไม่กำหนดราคาของที่อยู่อาศัย มีวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 มาตรการข้างต้น ธอส.จะคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ในเดือนที่ 37-42 และนำมาถัวเฉลี่ยกับอัตราดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกถูกลง
นอกจากนี้ ในวันที่ 28 ม.ค.ที่จะถึงนี้ จะเสนอเรื่องให้บอร์ด ธอส.พิจารณา เพื่อออกผลิตภัณฑ์สลากออมทรัพย์ ธอส. รุ่นที่ 3 ชุดพิมานมาศ จำนวน 10 หมวดๆ ละ 5,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยราว 2.76% โดยจะนำเงินที่ได้ 50,000 ล้านบาทนี้ ไปปล่อยสินเชื่อในมาตรการอื่นๆ รวมเป็น 90,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในกลุ่มข้าราชการและบุคลากรภาครัฐที่อยู่ระหว่างขอปรับโครงสร้างหนี้ และผ่อนชำระกับ ธอส.จาก 14 มาตรการนั้น มีวงเงินรวมกัน 8,300 ล้านบาท คิดเป็นลูกหนี้ในกลุ่มนี้ 10,000 ราย ซึ่ง ธอส.จะผ่อนปรนการชำระหนี้ โดยให้ส่วนลด 50% ในการผ่อนแต่ละงวด (เดือน) ทั้งนี้ ที่ให้ได้มากขนาดนี้ เนื่องจากเป็นเม็ดเงินที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งรวมดอกเบี้ยและค่าปรับไว้แล้ว โดยการปรับลดการผ่อนชำระลง 50% ไม่ทำให้ ธอส.เสียหายแต่อย่างใด.