สรรพากรดึงบล็อกเชนคืนภาษีนักเที่ยว-ต่อวีซ่า
สรรพากร ผนึก สตม. ดึง “บล็อกเชน” เชื่อมโยงข้อมูลของชาวต่างชาติ ช่วยลดภาระและเวลาให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุน ทั้งการคืนภาษีฯ และต่อวีซ่าทำงานในไทย เผยปี’62 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 2.6 ล้านราย จ่ายเงินซื้อสินค้ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาท มั่นใจเงินคืนนักท่องเที่ยวกว่า 3,000 ล้านบาท จะกลับมามาเพิ่มยอดซื้อสินค้า หนุนเศรษฐกิจมากขึ้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลังพิธีลงนามการเชื่อมโยงข้อมูลการเดินทางเข้า – ออกประเทศของชาวต่างชาติ ผ่านระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ “บล็อกเชน” ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่า เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลต่างๆ ช่วงที่อาศัยในประเทศไทย เพื่อยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สตม. กรมสรรพากร กรมศุลกากร หรือร้านค้าที่จำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะหากต้องการขอรับคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม และการอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลข้างต้นจะช่วยลดระยะเวลาการติดต่อกับส่วนราชการ จากเดิมที่อาจต้องใช้เวลามากถึง 30 วัน เหลือเพียงไม่กี่นาที แค่คลิ๊กเดียวก็สามารถจะขอรันคืนเงินภาษีฯสำหรับนักท่องเที่ยว หรือได้รับการต่อวีซ่าอยู่ในประเทศไทย สำหรับนักลงทุนต่างชาติ
“กรมสรรพากร และ สตม. จะเปิดการเชื่อมข้อมูลฯในวันศุกร์นี้ (17) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ “บล็อกเชน” นี้ จะช่วยสนับสนุนการพิจารณาคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว อันจะอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 2.6 ล้านราย มูลค่าการซื้อสินค้า 46,654 ล้านบาท โดยเป็นการคืนภาษีฯให้นักท่องเที่ยวมากกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่คืนให้เร็วในครั้งนี้ จะกลับมาเพิ่มยอดซื้อใหม่ และช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมสรรพากรย้ำ และว่า ถือเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีการนำระบบ “บล็อกเชน” มาใช้ในการคืนภาษีนักท่องเที่ยวและการต่อวีซ่าให้กับนักลงทุนต่างชาติ” อธิบดีกรมสรรพากรระบุ และย้ำว่า
จากนี้ กรมสรรพากร จะเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ แม้จะยังไม่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ประกอบการขนาดใหญ่ 5-6 ราย ยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว ทั้งนี้ มีข้อมูลระบุว่า การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้านั้นๆ ไม่ต่ำกว่า 10% ทีเดียว
ด้าน พล.ต.ท. สมพงษ์ ชิงดวง ผบช. สตม. กล่าวว่า สตม. จะแจ้งให้ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้รับทราบถึงแผนงานดังกล่าว และต้องได้รับความยินยอมก่อน จึงจะส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้กับกรมสรรพากร อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่านักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติจะให้ความร่วมมือฯ เนื่องจากเป็นผลประโยชน์ของพวกเขาเอง โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยลดปัญหาในอดีตได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการปลอมแปลงเอกสารการเดินทาง หรือหลักฐานการเสียภาษี อาทิ ข้อมูลใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และข้อมูลใบผ่านภาษีอากร (ก่อนออกเดินทาง) ให้แก่ สตม. เพื่อใช้ในการขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
อนึ่ง ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร และ สตม. ครั้งนี้ นับเป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐที่ทำให้บริการภาครัฐอยู่ในรูปแบบ one stop service ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ช่วยลดค่าใช้จ่ายการบริการภาครัฐ และมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวและบริการต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป.