อสังหาฯ ไตรมาสแรกพลิกฟื้นรับแรงหนุนมาตรการรัฐ
ภาคอสังหาฯปี 63 ยังต้องอาศัยปัจจัยหนุนอีกเพียบ แม้ไตรมาสแรกปี 63 ตลาดจะมีแนวโน้มพลิกฟื้น จากมาตรการรัฐหนุน แต่ไตรมาสถัดไป เข้าสู่ภาวะชะลอตัว “ศุภาลัย” ปรับแผนลุยเปิดโครงการแนวราบมากกว่า 25 โครงการ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ “SPALI” กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า ยังเป็นภาพการชะลอตัวอยู่บ้าง แม้มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลให้ตลาดในไตรมาสแรกปีนี้ปรับตัวดีขึ้น และมีทิศทางที่จะฟื้นตัว แต่ด้วยการดึงกำลังซื้อในอนาคต ทำให้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 จะแผ่นลงไป ส่วนในครึ่งหลังของปี 63 จะมีทิศทางอย่างไร คงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรบ้าง
ในส่วนธุรกิจของศุภาลัยนั้น ยังคงเดินหน้าเปิดโครงการ แต่จำนวนโครงการที่จะเปิดจะใกล้เคียงกับปี 2562 จำนวน 30 โครงการ และมูลค่ารวมการเปิดโครงการจะลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ บริษัทจะไม่มีการเปิดโครงการขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่าสูงอย่างเช่นโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร มูลค่า 20,000 ล้านบาทที่เปิดตัวโครงการในปีที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าโครงการในปีนี้จะน้อยลงอย่างแน่นอน ซึ่งตลาดที่บริษัทจะไปเน้นหนัก คงจะเป็นการเปิดโครงการแนวราบมากขึ้นกว่าปี 62 มาที่เปิดไป 25 โครงการ และชะลอการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมลง เนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบมีมากกว่าคอนโดมิเนียมอย่างชัดเจน
“การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปี 63 จะเป็นการพัฒนาโครงการในระดับราคาที่จับต้องได้และลูกค้าเข้าถึงมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวอยู่ ทำให้กำลังซื้อลดลง และความมั่นใจลดลงตามไปด้วย ส่งผลกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่ชัดเจน ส่งผลให้การเปิดคอนโดมิเนียมในปีหน้าบริษัทจะต้องไปจับกลุ่มลูกค้าระดับล่าง-กลางมากขึ้น และเน้นการเปิดในทำเลที่มีกำลังซื้อ ในทำเลที่มีความต้องการและเป็นที่สนใจของลูกค้า”
ส่วนการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ในปี 63 จะมีจำนวนทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่า 15,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะโอนในครึ่งหลังของปี 63 ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้ (Backlog) ประมาณ 40,000 ล้านบาท จะมีการบันทึกเป็นรายได้ในปีนี้ 10,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทมีสต๊อกพร้อมโอนที่เหลือขายในปัจจุบันอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เพิ่มขึ้นและสูงที่สุดของบริษัท โดยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มาตรการ LTV และปริมาณซัพพลายคอนโดมิเนียมในตลาด ที่ส่งผลกระทบต่อการขายค่อนข้างมาก.