“สมาร์ทคอนกรีต” เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม CLMV
SMART มั่นใจยอดขายทั้งปี 62 โตกว่าเป้า 10% มองโค้งสุดท้ายปีนี้ ตลาดอิฐมวลเบาในประเทศโตต่อเนื่อง จากความต้องการคุณภาพสินค้าอิฐมวลเบา บล็อกมวลเบาตกแต่งที่ได้มาตรฐานและประหยัดพลังงาน ด้านตลาดต่างประเทศเดินหน้าเพิ่มพันธมิตร ขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม CLMV
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบา เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2562 ว่า เริ่มมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10-14% จากเดิมตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท เติบโต 10 %
สาเหตุมาจากนโยบายโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน โครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และโครงการก่อสร้างภาคเอกชน ทยอยลงทุนในโครงการใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าต่อการใช้วัสดุอิฐมวลเบาที่ได้มาตรฐาน และประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณการใช้งานและความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบา ปรับตัวดีขึ้น และราคาจำหน่ายอิฐมวลเบาปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ ผลักดันสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายมากขึ้น อาทิ โมเดิร์นเทรด ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง จึงสามารถกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั่วประเทศ พร้อมกับการทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักรวมถึงการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ “อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง” มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline ) กระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโต
ในส่วนของการขยายตลาดในกลุ่ม CLMV นั้น บริษัทได้ดำเนินการส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศกัมพูชาและสปป.ลาว เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยมีกระแสตอบรับที่ดีและมีออเดอร์สั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าว อีกทั้งบริษัทรักษาสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศในปี 2562 อยู่ที่ 2 % ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ให้มีสัดส่วนการตลาดเพิ่มสูงขึ้น.