คลังเกาะติดเศรษฐกิจ จ่อผุดมาตรการถ้าจำเป็น
คลังติดตามประเมินเศรษฐกิจใกล้ชิด หลังสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขล่าสุด เผยใบสั่ง “อุตตม” เร่งขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เดินเครื่องไตรมาส 3 หวังผลเต็มที่ในไตรมาส 4 เผยตัวเลขเศรษฐกิจดีหลายตัว ชี้ยอด รง.เปิดใหม่และจ้างงานพุ่งสวนปิดกิจการ ย้ำคลังพร้อมคลอดมาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อไป
นายลวรณ แสงสนิท ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แถลงข่าวเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 62 ในวันนี้ (18 พ.ย.) ว่า มีการขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 ต่อปี ดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ปี 62 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.3 โดยภาคการส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อและสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวลง นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีบทบาทสูงในเศรษฐกิจไทยก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการส่งออกที่ชะลอลงเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการลงทุนใหม่จากการประกอบกิจการใหม่และการขยายกิจการของโรงงานเดิมพบว่า ในช่วง 1 ม.ค. – 12 พ.ย.62 มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นในกิจการโรงงาน 431,216 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 36.3 สะท้อนว่าภาพรวมการผลิตในอนาคตมีแนวโน้มขยายตัว และแม้ว่าในช่วงดังกล่าวจะมีกิจการโรงงานจำนวน 1,391 แห่งที่ยื่นขอปิดกิจการ แต่การขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่มีถึง 2,889 โรงงาน มากกว่าปิดกิจการร้อยละ 107 และโรงงานที่เปิดอยู่เดิมก็ยังมีการขยายกิจการเพิ่มเติมอีกจำนวน 928 โรงงาน ขณะเดียวกัน ในส่วนของแรงงานถึงแม้ว่ามีการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการจำนวน 35,533 คน แต่มีการจ้างงานจากการประกอบกิจการใหม่ 84,033 คน และมีการจ้างงานเพิ่มจากการขยายโรงงานอีกจำนวน 84,704 คน
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ายังประเทศไทยในไตรมาส 3 ปี 62 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 7.2 เร่งขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 62 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.4 ในด้านการบริโภคภาคเอกชน รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ (ที่หักรายได้พิเศษ) ในไตรมาส 3 ปี 62 ขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 สูงขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 62 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.5 ซึ่งสะท้อนการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้
สำหรับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปี 62 และปี 63 ขณะเดียวกันก็มีเครื่องชี้ที่สะท้อนแนวโน้มในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย อาทิ รายได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat 7%) ภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ (ที่หักรายได้พิเศษ) ล่าสุด ในเดือน ต.ค.62 ที่ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 6.0 ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.9
ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้มอบหมายให้หน่วยงานของกระทรวงการคลังติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและเร่งดำเนินการขับเคลื่อนชุดมาตรการด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย มาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 1”, มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, มาตรการบรรเทาค่าครองชีพสำหรับสำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง, มาตรการพักหนี้กองทุนหมู่บ้านของ ธ.ก.ส. และมาตรการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ
ในส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 ซึ่งประกอบด้วย มาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 2” และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และล่าสุดมาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 3” เมื่อวันที่ 12 พ.ย.62 รวมถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐวิสาหกิจซึ่งคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 100,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 62 นี้ เพื่อให้มาตรการต่างๆ ที่เริ่มในไตรมาส 3 สามารถส่งผลได้อย่างเต็มที่ในไตรมาส 4 โดยกระทรวงการคลังจะประเมินสถานการณ์และแนวโน้มของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะพิจารณามาตรการดูแลเศรษฐกิจที่เหมาะสมต่อไป.