“สุขุมพันธุ์” น่าจะเหนื่อยอีกหลายยก!
ไม่จบเสียแล้วและท่าจะเป็นมหากาพย์สำหรับโครงการประดับตกแต่งอุโมงค์ไฟแอลอีดี กทม. วงเงิน 39.5 ล้านบาท
เพราะล่าสุดถูก “นายวิลาศ จันทรพิทักษ์” อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร พร้อมที่จะเช็กบิล ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และ รองผู้ว่าฯ กทม.อีก 2 คน คือ นายอมร กิจเชวงกุล และ นายจุมพล สำเพาพล !
“สิ่งที่ผู้ว่าฯกทม.ได้ชี้แจงถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า สตง. ไม่ยุติธรรม ตรวจสอบไม่ถูกต้องนั้น ผมเห็นว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ควรกลับไปทบทวนว่าสิ่งที่กล่าวหาเป็นอย่างไ ร การจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องหรือไม่ ถ้าไปดูก็จะรู้ซึ้งเองว่ามีการทุจริตจริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่ผู้ว่าฯกทม. อ้างว่าไม่ผิดเพราะไม่ได้เป็นคนเซ็นนั้น ส่วนตัวเห็นว่า แม้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ไม่ได้เซ็นเองก็จริง แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยงานความรับผิดชอบต้องมีอยู่แล้ว จะบอกว่าไม่ได้เซ็นแล้วไม่รับผิดชอบไม่ได้ อีกทั้ง 2 รองผู้ว่าฯกทม.ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย”
“ผมจะทำหนังสือยื่นต่อ สตง. ขอให้เพิ่มผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 คน นั่นคือรองผู้ว่าฯกทม. 2 คน ทั้งนายอมร และนายจุมพล รวมทั้งแถลงถึงความไม่โปร่งใสของบริษัททัวร์ที่รับงานประมูลนี้ด้วย เพราะไม่เคยประกอบอาชีพอื่น จึงเชื่อว่ามีผลประโยชน์แลกกัน โดยบริษัทให้เงิน กทม.ให้งาน”นายวิลาศระบุ
ตรงนี้น่าสนใจเพราะคนบ้านเดียวกับ คุณชายหมู ชี้ว่า หากโครงการนี้สุจริต ทำไมคุณชายหมูไม่เซ็นรับมอบงาน มันน่าพินิจต่อ แม้คุณชายหมูจะมอบอำนาจให้รองผู้ว่าฯกทม.คนอื่นดูแล ก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าเจาะลึกและเกาะติดต่อไปในเรื่องนี้คือ คำพูดของ พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล โฆษกสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“ในการประชุมสภากทม. วันที่ 11 พ.ค. จะไม่มีการตั้งกระทู้ถามกับผู้ว่าฯ กทม. และคณะผู้บริหารเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้สมาชิกสภา กทม. เคยได้ยื่นญัตติตั้งกระทู้สอบถามถึงรายละเอียดและความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการไฟประดับดังกล่าวกับคณะผู้บริหารของ กทม.ไปแล้ว ซึ่งฝ่ายบริหารได้ตอบคำถามในสภาเช่นเดียวกับที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ออกมาแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
“แต่ในการยื่นกระทู้ถามของสภา กทม. ครั้งนั้นก็ได้มีการทักท้วงไปแล้วว่าโครงการนี้จะเกิดความคุ้มค่าจริงหรือไม่ เนื่องจากอาจจะกลายเป็นการใช้งบประมาณในจำนวนที่มากเกินความเป็นจริง แต่กทม. ก็ได้ดำเนินโครงการต่อไปจน สตง. ออกมาแถลงข้อมูลผลการตรวจสอบว่าพบการทุจริตดังกล่าว ซึ่งจากนี้ไปคงต้องเป็นหน้าที่ของทาง สตง. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ในการเป็นผู้ตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป”
เมื่อผลออกมาแบบนี้ มันเหนื่อยใจแทนผู้ว่าฯกทม.ที่เจอศึกรอบด้าน เพราะเท่ากับว่าโครงการนี้หลายฝ่ายคัดค้านแล้ว แต่กทม.ยังดื้อที่จะเดินหน้าไปแบบไม่ฟังเสียงติติง เมื่อคุณชายหมูกล้าที่จะเล่นกับไฟแล้ว ก็ต้องไม่กลัวไฟลวกตัว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา เพราะสิ่งใดที่คาบเกี่ยวกับการทุจริต หากคนๆนั้นตกอยู่ในสายตาสังคม พรรคนี้จะตรวจสอบและพร้อมที่จะจี้ให้คนๆนั้นแสดงสปิริตทางการเมือง แต่วันนี้เมื่อการเมืองไม่ปกติ อาการหมูไม่กลัวน้ำร้อนจึงเกิดขึ้น แต่เมื่อตอนนี้อุณหภูมิของระดับน้ำเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ต้องรอดูว่าคุณชายหมูจะอดทนและกระโดดออกมาจากวงล้อมนี้ได้อย่างไรแบบไม่เจ็บตัว
แต่รูปการณ์ยามนี้ มันชัดแล้วว่า แม้คุณชายหมูอาจจะไม่ร่วงจากตำแหน่ง แต่ร่างกายก็ย่อมเต็มไปด้วยบาดแผลอันโชกชุ่มไปด้วยเลือดเต็มตัว ที่เจอศึกรอบด้านคอยทิ่มแทง แล้วอย่างนี้จะประคองตัวให้รอดอย่างไรนั้น ต้องรอดูกันอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า