จี้ รสก.เบิกจ่าย-ลงทุนเต็มงบ 2.55 แสนล.
รมว.คลัง กระทุ้ง สคร.จี้รัฐวิสาหกิจ “เร่งเบิกจ่าย-ลงทุน” เต็มงบ 2.55 แสนล้านบาท หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ชดเชยส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ว่า ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหาร สคร. เร่งดำเนินการในเรื่องที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้ง 55 แห่ง ที่มีมูลค่ารวมกันราว 255,000 ล้านบาท เพราะสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงกำชับให้ สคร.เดินทางไปหารือกับผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจที่มีแผนจะลงทุนแ ต่ยังติดขัดปัญหาบางอย่าง เพื่อแจ้งถึงทิศทางและเป้าหมายของรัฐบาล รวมถึงกระตุ้นและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน แก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ทั้งนี้ หากจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนโครงการลงทุนใหม่ สคร.ก็ต้องผ่อนปรน
นอกจากนี้ ยังให้ สคร.ดำเนินการขับเคลื่อนและสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือโครงการด้านสังคม หลังจากมีการออกกฎหมายฉบับใหม่มาแล้ว โดยเร่งผลักดันกฎหมายลูกอีกกว่า 20 ฉบับ ออกมาใช้เพื่อทำให้การลงทุน PPP เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
รวมถึงเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนเป็นการเฉพาะ ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลให้การส่งออกของไทยหดตัวอย่างรุนแรง จำเป็นต้องพึ่งพิงการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ทำอย่างไรจึงจะให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายได้ง่าย ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า รัฐวิสาหกิจที่บางแห่งดำเนินงานตามรอบบัญชีปีงบประมาณ (30 ก.ย.) และบางแห่งเป็นรอบบัญชีปีปฏิทิน (31 ธ.ค.) มีการเบิกจ่ายไปเพียง 47% ของงบเบิกจ่าย 360,000 ล้านบาท หรือประมาณ 170,000 ล้านบาท ต่ำกว่าจากเป้าหมายที่คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ไม่ต่ำกว่า 80%
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ นายประภาศ คงเอียด ผอ.สคร. กล่าวเสริมว่า แม้จะเป็นเดือนสุดท้ายของรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่ใช้รอบบัญชีปีงบประมาณ แต่ยังมีรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่อีกหลายแห่งที่ใช้รอบบัญชีปีปฏิทิน และจะเร่งดำเนินการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี (ต.ค.-ธ.ค.62) ทั้งนี้ เชื่อว่าการเบิกจ่ายทั้งปีนี้ น่าจะใกล้เคียงกับป้าหมายที่วางไว้ หรือมีการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 120,000 ล้าน
รมว.คลัง ยังกล่าวต่อไปว่า จากนี้ ให้ สคร.พิจารณาผ่อนปรนในขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงพิจารณาคัดเลือกบุคลากร จากเดิมที่เน้นทางด้านกฎหมาย เพื่อตรวจสอบโครงการร่วมทุน PPP และประเด็นข้อกฎหมายอื่นๆ โดยเปิดกว้างรับบุคลากรทางด้านช่างเทคนิค, วิศวกรรม, บัญชี-การเงิน และอื่นๆ ที่จำเป็น เพราะจากนี้ การทำงานของ สคร.ในอนาคต โดยเฉพาะโครงการ PPP จำเป็นจะต้องมีบุคลกรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านต่างๆ มาร่วมงาน
“ผมยังได้สั่งการให้ สคร.พิจารณาคัดเลือกบุคลากรที่จะส่งไปเป็นคณะกรรมการในบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ ว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจทั้ง 55 แห่ง และมีสินทรัพย์รวมกันถึง 15 ล้านล้านบาทนั้น จะต้องแสดงบทบาทให้เห็นว่า ในฐานะเป็นตัวแทนกระทรวงการ ซึ่งถือหุ้นในนามของรัฐบาลไทยนั้น รัฐบาลต้องการจะเห็นการดำเนินงานไปในทิศทางใด ถึงจะสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ” รมว.คลังย้ำ.