เมกะโปรเจกต์รัฐหนุนอุตฯคอนกรีตเติบโต
CCP มองครึ่งปีหลังอุตฯคอนกรีตแนวโน้มดีต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป รองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ หนุน Backlog แตะ 2,000 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP กล่าวถึงภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์คอนกรีตครึ่งหลังของปี 2562 ว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ขณะที่นิคมอุตสาหกรรม ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง อีกทั้งยังมีโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานถนน งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-ผลิตภัณฑ์คอนกรีตปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงทรงตัว
สำหรับทิศทางธุรกิจของ CCP ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูปอย่างต่อเนื่อง รองรับงานโครงสร้างพื้นฐานและเอกชนได้อย่างหลากหลาย อาทิ ท่อคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และเน้นการขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูปกลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว
ทั้งนี้ ผลจากการเติบโตและความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำรูปของโครงการภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น ได้ส่งผลต่อยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยปกติถือเป็นจุดต่ำสุดของปี เนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาวและเป็นฤดูฝนทำให้ส่งมอบงานได้ช้า แต่ในปีนี้ฝนตกน้อยทำให้บริษัทสามารถส่งมอบงานได้มากขึ้น บริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2562 อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย SMART ปรับตัวดีขึ้นมาก
โดยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา CCP มีรายได้รวม 365.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 344.95 ล้านบาท จำนวน 20.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.88% บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 4.83 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 12.01 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 59.78%
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้ ( Backlog ) ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน โดยบริษัทจะทยอยประมูลงาน เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือไม่ให้ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้ 2,500 ล้านบาท.