EEC ดันตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเติบโต
EEC ดันตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเติบโต
SMART คาดความต้องการวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ได้รับอานิสงส์ EEC เมกะโปรเจกต์ภาครัฐ งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้า การลงทุนโครงการอสังหาฯ
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำ ภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร กล่าวถึงภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศว่า มีทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยจากความต้องการวัสดุก่อสร้างนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่เริ่มดำเนินโครงการต่อเนื่อง และผู้ประกอบการอสังหาฯทยอยลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้น อาทิ งานอาคารสูง ห้างสรรพสินค้า และที่พักอาศัยแนวราบ จะส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาปรับตัวดีขึ้น
ส่วนตลาดในกลุ่มประเทศ AEC นั้น ทางบริษัทฯ จะรุกตลาดในประเทศสปป.ลาวมากขึ้น โดยมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากความต้องการใช้งานในสปป.ลาวมีการขยายตัวค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีออเดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดในประเทศกัมพูชา ยังเติบโตดีมีปริมาณคำสั่งซื้อต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 %
“บริษัทเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักและผลักดันสินค้าผ่านทุกช่องทางการจำหน่าย ส่วนของโครงการภาครัฐ-เอกชนขนาดใหญ่ก็ยังเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่”
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/ 62 อนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 2 (SMART-W2) จำนวน 92,000,048 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1 บาท อายุ 2 ปี โดยอัตราการใช้สิทธิ อยู่ที่ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ / 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท/หุ้น ใช้สิทธิครั้งแรกเดือนพ.ค. 63 และสามารถใช้สิทธิได้อีก 3 ครั้ง จนครบอายุใบสำคัญแสดงสิทธิในวันที่ 3 ต.ค. 64 ทั้งนี้บริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 460,000,240 บาท เป็น 552,000,288 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 92,000,048 หุ้น รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพ SMART-W2
โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร พัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาระบบงานต่างๆ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการผลิต ระบบบริหารคลังสินค้า และระบบจัดส่งสินค้า ซื้อแหล่งวัตถุดิบ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะงานส่งออกในประเทศเพื่อนบ้าน.