World Bank เผยความเหลื่อมล้ำประเทศไทยดีขึ้น
• ดีขึ้นทุกด้าน รายจ่าย-โอกาส และการศึกษา
• ประกันสุขภาพครอบคลุมประชากร 99.56%
• วางแผน 3 ระยะสั้น-กลาง และยาว ทุกพื้นที่
ความมั่งคั่งที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Inclusive Prosperity) รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนแล สศช.-ความเหลื่อมล้ำในไทย ปี 2565 ของ และรายงานการลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำและการจ้างงานในประเทศไทย ของธนาคารโลก
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับธนาคารโลก (World Bank) จัดการประชุม Bridging The Gap: Thailand’s Path to Inclusive Prosperity เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 เพื่อเผยแพร่รายงานการวิเคราะห์สถาน การณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในไทยปี 2565 ของ สศช.และรายงานการลดช่องว่าง : ความเหลื่อมล้ำและการจ้างงานในประเทศไทยของธนาคารโลก โดยมีตัวแทนสถาบันการศึกษา เข้าร่วมประชุมและนำเสนอผลงานภายใต้หัวข้อดังกล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในไทย ปี 2565 พบว่า สถานการณ์ความยากจนปรับตัวดีขึ้น ส่วนสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำในภาพรวมทั้งด้านราย จ่ายและด้านโอกาส และคุณภาพทางการศึกษาปรับตัวดีขึ้น การเข้าถึงหลักประกันสุขภาพครอบคลุมประชากร 99.56% โดย สศช.มีข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เช่น ทบทวนแนวทางการจัดสรรงบฯ จัดสรรงบฯให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน และบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านสุขภาพ
ส่วนรายงานการลดช่องว่าง : ความเหลื่อมล้ำและการจ้างงานในประเทศไทย ของธนาคารโลก พบว่า สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของไทยลดลงอย่างรวดเร็วในห้วงปี 2553-2562 และเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ปี 2558 แต่ยังคงพบความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของไทยในระดับสูง ส่วนการจ้างงานในไทยพบว่า การจ้างงานภาคเกษตรกรรมลดลง ในขณะที่การจ้างงานภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาเหตุดั่งนี้
1.ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กจะส่งผลสืบเนื่องไปตลอดชีวิต
2.ความเหลื่อมล้ำด้านอาชีพและระดับการศึกษาของหัวหน้าครัวเรือน
3.ความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศในตลาดแรงงานอยู่ในระดับสูง
4.มุมองปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำจากตัวแทนสถาบันการศึกษา พบว่า ความยากจนในระดับพื้นที่มีการทับซ้อนกันระหว่างปัญหา จึงควรพิจารณาความเหลื่อมล้ำทั้งด้านโอกาส และโครงสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความเสียเปรียบในกลุ่มที่เสียเปรียบทางสังคม และการพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งจากการสังเคราะห์ผลการประชุมดังกล่าว จำแนกเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการแก้ไขปัญหาได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่
แผนการดำเนินการระยะสั้น แนวทางการดำเนินการ
1.พัฒนานโยบายการคุ้มครองทางสังคมให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
2.การพัฒนาคุณภาพการศึกษา
3.การแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน
– แผนการดำเนินการระยะกลาง แนวทางการดำเนินการ
1.สนับสนุนการพัฒนาทักษะใหม่ให้แรงงาน
2.ยกระดับทักษะแรงงานเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ภาคเศรษฐกิจที่มีผลิตภาพสูง และเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม
3.ส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้าสู่ตลาดแรงงาน
4.ยกระดับรายได้และผลิตภาพของเกษตรกร
– แผนการดำเนินการระยะยาว แนวทางการดำเนินการ
1.เพิ่มประสิทธิภาพของนโยบายการคลัง
2.ขยายโอกาสทางการศึกษา
3.ลดช่องว่างเชิงพื้นที่ในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานและบริการพื้นฐาน
4.สนับสนุนให้ อปท. และภาคประชาสังคมมีส่วนแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
โดยที่ประชุม ครม. รับทราบผลการประชุมในวันอังคารที่ 11 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมาตามที่ สศช. เสนอ และให้ สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กรุงไทยแนะลดความเหลื่อมล้ำสังคมใช้ ESG แก้ได้ทุกจุด