คปภ.เร่งประกันจ่ายสินไหมคดี 6 ศพ
คปภ.เร่งประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทน กรณีรถกระบะพุ่งชนรถเครน ดับ 6 ศพ บาดเจ็บ 3 ราย ที่กลางเมืองประจวบฯ
กรณีรถกระบะหมายเลขทะเบียน บม 4097 เพชรบุรี เฉี่ยวชนกับรถเครน 6 ล้อ หมายเลขทะเบียน 80-9136 บนถนนสายเพชรเกษม-บ้านหนองเสือ ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า จากรายงานของสำนักงาน คปภ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า รถกระบะดังกล่าวทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บมจ.อาคเนย์ประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ NCM 19002473343 สิ้นสุดความคุ้มครอง 24 พ.ย.62 กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีความเสียหายต่อร่างกายหรืออนามัย 80,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยรถภาคสมัครแต่อย่างใด
ส่วนรถเครน 6 ล้อ พบว่า ได้ทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ.ไทยพัฒนาประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัยเลขที่ HO806106/11072 สิ้นสุดความคุ้มครอง 30 มิ.ย.62 ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยรถภาคสมัครใจเช่นกันสำหรับ การจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย นั้น ทราบว่าผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นคนในพื้นที่ โดยครอบครัวได้นำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดนิคมประชาสรรค์ ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ทางครอบครัวนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งสำนักงาน คปภ. ประจวบคีรีขันธ์ ได้อำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตดังกล่าวอย่างเต็มที่ และประสานงานไปยัง สำนักงาน คปภ.บุรีรัมย์ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานจาก 2 บริษัทประกันภัย ว่า ได้ติดต่อกับทายาทของผู้เสียชีวิตแล้ว และเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน แก่ทายาทฯ อย่างเร่งด่วนต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 3 ราย ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยสำนักงาน คปภ. ประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยตาม พ.ร.บ.ให้กับผู้บาดเจ็บและโรงพยาบาลได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะได้ติดตามให้มีการจ่ายตามสิทธิดังกล่าวต่อไป
“ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ซึ่งอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย ควรตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. และทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการ คปภ.ย้ำ.