คลังทุ่มงบ 4.8 หมื่นล้านปูพรมบัตรสวัสดิการฯ รอบ 2
กระทรวงการคลังคาดว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรอบใหม่ ที่เปิดลงทะเบียนช่วงระหว่างวันที่ 5 ก.ย.จนถึงวันที่ 19 ต.ค.นี้ จะต้องใช้เงินสนับสนุนโครงการดังกล่าวไม่น้อยกว่า 48,000 ล้านบาท
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่าการลงทะเบียนเพื่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่จะสามารถจ่ายเงินถึงมือประชาชนได้ประมาณเดือนก.พ.ปีหน้า ซึ่งระหว่างนี้ ผู้ที่ถือบัตรฯ ยังได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเหมือนเดิม โดยมีประชาชนที่มีรายได้น้อยเป็นตัวเลขในใจประมาณ 12-13 ล้านคนที่จะเข้าร่วมโครงการล่าสุด ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับโครงการแรก ที่มีการลงทะเบียนรวมประมาณ 14 ล้านคน และบวกอีก 4.5 ล้านคนที่ตกหล่น รวมเป็น 19 ล้านคน
“ในครั้งแรกมีการตรวจสอบจากธุรกรรมทางการเงินเท่านั้น เช่น กรมสรรพากร สถาบันการเงินของรัฐและเอกชน รวมแล้วประมาณ 10 หน่วยงาน แต่ในรอบนี้ เราได้ประสานความร่วมมือกับ 47 หน่วยงานที่ให้บริการ และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เพื่อให้โครงการดังกล่าวมีความผิดพลาดน้อยที่สุด โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขที่สำคัญ จากเดิมพิจารณารายได้ส่วนบุคคลเปลี่ยนมาเป็นครัวเรือน หรือครอบครัวละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี”
เช่น ครอบครัวเดียวกันมีการจดทะเบียนสมรส ถ้าหัวหน้าครอบครัวมีรายได้ 80,000 บาทต่อปี ภรรยาหรือสามีมีรายได้ไม่ถึง 200,000 บาท หัวหน้าครอบครัวจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพียงคนเดียว ส่วนกรณีมีบุตร 1 คน ก็บวกรวมกันเข้าไปอีก 1 คนและถ้าบุตรไม่มีรายได้ สวัสดิการทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่หัวหน้าครอบครัว
ส่วนกรณีสามี-ภรรยา ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ถือแยกเป็นคนละบุคคล ไม่ต้องนำรายได้มารวมกัน คือ มีสัญชาติไทย อายุเกิน 18 ปี มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ก็สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสวัสดิการฯ ได้เลย
นอกจากนี้ กรณีที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ ผู้ลงทะเบียนสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ในเดือนม.ค.2566 รมว.คลัง กล่าว
สำหรับหน่วยงานที่เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวมี 47 หน่วยงาน แบ่งเป็นหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย จำกัด กรมบัญชีกลาง (สำนักงานคลังจังหวัด) กรมการปกครอง (ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ) กรุงเทพมหานคร (สำนักงานเขต) และสำนักงานเมืองพัทยา
และหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติ เช่น กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา กรมที่ดิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมการขนส่งทางบก กรมการกงสุล กรมราชทัณฑ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมหม่อนไหม การท่าเรือแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นต้น