คปภ.จี้ประกันเร่งเยียวยา 7 ศพดับที่สงขลา
คปภ.จี้ประกันฯเร่งเยียวยาความสูญเสีย กรณีนำชาวบ้านพัทลุง พุ่งชนเสาไฟฟ้า ดับ 7 ศพ บาดเจ็บ 3 ราย ที่ จ.สงขลา
จากเหตุรถกระบะบรรทุกคนงาน หมายเลขทะเบียน บฉ 1701 พัทลุง เสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทาง บนถนนสายเอเชีย บริเวณหน้าหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ม.2 ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ประกอบด้วย นายสายัณห์ กลิ่นจันทร์ อายุ 41 ปี นายสุจินดา แก่นแก้ว อายุ 27 ปี นายสุพล ชุมชู (ผู้ขับขี่) อายุ 58 ปี นายการรุณ ถึงเกื้อ อายุ 52 ปี นางชนาการ พรรณรอง อายุ 36 ปี นายสมพงษ์ อินทรนก อายุ 42 ปี และนางสุพัตรา พันธุ์รอง อายุ 38 ปี นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย ประกอบด้วย นายสมควร ผลจำรูญ อายุ 54 ปี นายเอกชัย สมใจ อายุ 64 ปี และนางสาววรรณภาพร สมใจ อายุ 22 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น
โดยเบื้องต้น ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสำนักงาน คปภ. ภาค 9 (สงขลา) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามและรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้ประสานความร่วมมือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิต 7 รายและผู้บาดเจ็บ 3 ราย ได้มีการทำประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุประเภทอื่นๆไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเบื้องต้นจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา ว่า รถกระบะคันดังกล่าว ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บมจ.อาคเนย์ประกันภัย สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 20 มิ.ย.62 โดยให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัย กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีความเสียหายต่อร่างกายหรืออนามัย 80,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่ารถกระบะคันคันนี้ ได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้กับ บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย สิ้นสุดความคุ้มครอง 18 ธ.ค.62 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ความเสียหายต่อชีวิต ร่ายกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. 500,000 บาทต่อคน รวมแล้วไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง) ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 1,000,000บาทต่อครั้ง กรณีเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ จำนวน 150,000 บาทต่อครั้ง กรณีรถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ จำนวน 150,000 บาทต่อครั้ง สำหรับความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ผู้ขับขี่ 1 คน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 2 คน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล 3 คนๆ ละ100,000 บาทต่อคน การประกันตัว ผู้ขับขี่ 500,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับ การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 7 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย นั้น จากการติดตามอย่างใกล้ชิดทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นชาวบ้านใน ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดยครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ติดต่อกับโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อนำศพของผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ณ วัดโหล๊ะหารธรรมาราม ในพื้นที่เดียวกันแล้ว ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา จึงประสานงานไปยังสำนักงาน คปภ. จังหวัดพัทลุง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากบริษัทประกันภัยว่าได้มีการติดต่อกับทายาทของผู้เสียชีวิต ทั้ง 7 รายแล้ว และจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 3 ราย ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลพัทลุงนั้น สำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา และสำนักงาน คปภ. จังหวัดพัทลุง ได้แจ้งสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยตาม พ.ร.บ. ให้กับผู้บาดเจ็บและโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะได้ติดตามให้มีการจ่ายตามสิทธิดังกล่าวต่อไป
“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต 7 รายและผู้บาดเจ็บ 3 ราย จากอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัยจะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ.ย้ำ.