เปิดโครงการ SME Regular Level ต่อยอดสู่สากล
สสว. เปิดโครงการ SME Regular Level ปี 2562 ต่อยอดผู้ประกอบการให้เข้าถึงมาตรฐานระดับสากล พร้อมจับมือหน่วยงาน 11 แห่ง ตั้งเป้าสานต่อการพัฒนาผู้ประกอบการไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ในปี 2562 สสว. จะดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโต (SME Regular Level) โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้การดำเนินธุรกิจจากการเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 9,550 ราย และผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 2,850 กิจการ จะได้รับการพัฒนาเชิงลึก โดย การสนับสนุนการเข้าถึงระบบมาตรฐานโดยการต่อยอดเพื่อให้ได้รับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของสากลมากขึ้น
รวมมทั้งการสนับสนุนคูปองการจัดทำฉลากโภชนาการ คูปองการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการและสอบเทียบเครื่องมือวัด การสนับสนุนกิจกรรมตลาดต่างประเทศเพื่อยกระดับให้ผู้ประกอบการกลุ่มที่มีศักยภาพนี้ก้าวไปสู่สากล โดยการพัฒนาจะมุ่งเน้นผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญของประเทศ อาทิ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มสปาและบริการเพื่อสุขภาพ กลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กลุ่มอาหารและเกษตรแปรรูป กลุ่มธุรกิจต่อเนื่องจากโลหะ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ และกลุ่มที่ต้องการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ สสว. ยังให้ความสำคัญในเรื่องบัญชีเดียว และการพัฒนาผู้ประกอบการที่เป็นผู้ให้บริการทางบัญชี (Service Provider) ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพในการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน อีกด้วย
จากแนวทางการพัฒนาดังกล่าวข้างต้น สสว. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรอีกจำนวน 11 หน่วยงาน เข้ามาช่วยส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ คือ สถาบันอาหาร สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมสำนักงานบัญชีไทย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
นายสุวรรณชัยกล่าวอีกว่า ความตั้งใจในปีนี้ของ สสว. นอกจากมุ่งหวังที่จะให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริการ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ ยกระดับด้านมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ รวมทั้งสร้างรายได้หรือสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แล้ว