ชี้สงครามการค้า-ตุรกีไม่กระทบไทยมากนัก
กสิกรไทยเชื่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และวิกฤติเศรษฐกิจของตุรกี ไม่ส่งผลกระทบทางตรงต่อไทยมากนัก ชี้โครงสร้างเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งเกินตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เชื่อค่าบาทอ่อนตัวระยะสั้น แต่มั่นใจดอกเบี้ยไทยยังคงนิ่ง
น.ส.พีรพรรณ สุวรรณรัตน์ ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงทิศทางค่าเงินและดอกเบี้ยในครึ่งหลังปี 2561 ว่า จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน อาจส่งผบกระทบทางอ้อมต่อไทย เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางไปจีนจำนวนมาก และจีนนำไปผลิตเพื่อส่งออกต่อไปยังสหรัฐ หากจีนได้รับปลกระทบจากมาตรการภาษีและสงครามการค้า ก็อาจส่งผลต่อมายังการส่งออกของไทย อย่างไรก็ตาม ยังมองเห็นโอกาสที่การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ซึ่งมีหลายอย่างคล้ายกับจีน โดยเฉพาะสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ที่ไทยอาจทดแทนสินค้าจีนได้
ส่วนความเป็นตลาดเกิดใหม่ของไทย อาจไม่ได้รับผบกระทบมากนักจากปัญหาค่าเงินตุรกีที่ลดต่ำลง จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากไทยมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ทั้งตัวเลขดุลการค้าดุลบัญชีเดินสะพัด และเงินสำรองต่างประเทศที่แข็งแกร่งกว่าหลายประเทศในกบุ่มประเทศเกิดใหม่
สำหรับค่าเงินบาทนั้น มีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะสั้น แต่ระยะปานกลางเชื่อว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีน อาจส่งผบกระทบต่อนักนักท่องเที่ยวของจีน
น.ส.วรันธร ภู่ทอง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวดีขึ้น คาดว่าการส่งออกยังคงเติบโตที่ระดับ 8-9% ขณะที่จีดีพี คาดว่าจะโต4.5% ทั้งนี้ เชื่อว่าค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงตามค่าเงินหยวนของจีน และอาจปรับลดถึงระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ แต่คงเป็นไปในระยะสั้น จากนั้นก็น่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอัตราที่เหมาะสมต่อระบบเศรษญกิจไทย
ส่วนอัตราดอกเบี้ยของไทย เชื่อว่าจากสภาพเศรษฐกิจยามนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ระดับเดิมที่ 1.5% แม้ว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 2 ครั้งๆ บะ 0.25% ในเดือนกันยายนแบะธันวาคมนี้ก็ตาม.