สศค.คงจีดีพี4.2%
สศค.ไม่ปรับประมาณเศรษฐกิจไทยปีนี้ แม้ว่า การส่งออกและการท่องเที่ยวในไตรแรกจะออกมาดีก็ตาม แต่เนื่องจากการลงทุนรัฐวิสาหกิจชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจแผ่วบางเล็กน้อย
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.คงเป้าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ในระดับ 4.2% จากช่วงคาดการณ์ 3.9-4.5% ซึ่งเร่งตัวขึ้นจากปี2560 ที่ขยายตัว 3.9% เนื่องจากมีการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ อย่างไรก็ตาม สศค.ได้ปรับประมาณการส่งออกของไทยในปีนี้เป็นเติบโต 8% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตราว6.6% แต่ไม่ได้ปรับเพิ่มประมาณการภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้เพิ่มขึ้น เนื่อง จากการลงทุนและการบริโภคภาครัฐในไตรมาส 1/61 ยังคงชะลอตัว เนื่องจากการเบิกจ่ายไม่เป็นตามเป้า เช่น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คาดว่า จะชะลอการเบิกจ่าย 5,000 ล้านบาท การเคหะแห่งชาติ (กคช.) 3,000 ล้าบาท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) 1,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลงทุนและการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวขึ้นในไตรมาส 2/61 เนื่องจากส่วนราชการก่อหนี้ผูกพันไปแล้วราว 180,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.1% ของงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2561
นอกจากนี้ สศค.มองว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตามในระยะต่อไปเนื่องจากมีผลต่อการฟื้นตัวในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะความไม่แน่นอนด้านการค้า จากปัญหาการตั้งกำแพงภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่เบื้องต้น สศค.มองประเด็นนี้ในเชิงบวกว่าสถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลายมากขึ้น โดยสหรัฐมีท่าทีอ่อนลงหลังจากจีนไม่มีมาตรการตอบโต้
ขณะที่ปัญหาการเมืองในภูมิภาคมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งขณะนี้ลดอุณหภูมิความร้อนแรงลง แต่ยังต้องติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงิน เพราะอาจมีความผันผวน จึงขอให้ผู้ประกอบการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายพรชัย กล่าวว่าปีนี้ การส่งออกยังคงขยายตัวได้ดี สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวอย่างชัดเจน โดยคาดว่าปริมาณส่งออกสินค้าและบริการมีแนวโน้มขยายตัวที่ 5.5%ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญตามกรอบรายจ่ายเพื่อการบริโภคและลงทุนภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2561 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดทำงบประมาณกลางปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 150,000 ล้านบาท ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ 8.9% เช่นเดียวกับการบริโภคภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ 3.0%
ส่วนทางด้านการท่องเที่ยงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 39.9 ล้านคน เติบโต 12.8% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน เนื่องจากในช่วง 3 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวสูงถึง 15.4% หรือคิดเป็น 10.6 ล้านคน ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยว ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.13 ล้านล้านบาท หรือ 17% จากเดิมอยู่ที่ 2.05ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ความคืบหน้าของโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่สำคัญ การร่วมลงทุนระหว่างภาค รัฐและภาคเอกชน และการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษคาดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจและกระตุ้น การลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น โดยคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 3.8%
สำหรับการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นตามการจ้างที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก นอกจากนี้ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 ยังคาดว่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวที่ 3.5%
ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 5.8% สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะเร่งขึ้นและการฟื้นตัวของภาคการส่งออก นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐอีกด้วย.