สรุปข่าว 6-01-64
หุ้น ตปท.-ไทย
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (5 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 167.71 จุด (0.55%)ปิดที่ 30,391.60 จุด นิคเคอิ ลดลง 99.75 จุด (0.37 %) ปิดที่ 27,158.63 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 107.71 จุด (0.85%) ปิดที่ 12,802.38 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 26.21 จุด (0.71%) ปิดที่ 3,726.86 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด( 5 ม.ค.) ที่ระดับ 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุด (2.62 %) มูลค่าการซื้อขาย 115,229.85 ล้านบาท
น้ำมันโลก-ไทย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.51 ดอลลาร์ ปิดที่ 53.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปตท. และบางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 50 ต่อลิตร เว้น อี85 ปรับขึ้น 30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซล คงเดิม มีผล 6 ม.ค.64 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายปลีกใหม่จะเป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 30.66 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 23.25 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 อยู่ที่ 21.74 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 22.98 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์อี85 อยู่ที่ 18.84 บาทต่อลิตร, บี7 อยู่ที่ 24.19 บาทต่อลิตร, บี10 อยู่ที่ 21.19 บาทต่อลิตร บี20 อยู่ที่ 20.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพฯ
ทองคำขึ้น 250 บ.
ราคาทองคำเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 27,450 ขายออกบาทละ 27,550 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 26,954.48 ขายออกบาทละ 28,050 บาท ราคาทองคำปรับลง 250 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 4 ม.ค.
เงินบาทยังแข็ง
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (5 ม.ค.) ยังแข็งค่า เมื่อเทียบกับวันที่ 4 ม.ค.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 29.904 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 30.0572 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 41.0401 บาทต่อ 1 ปอนด์สเตอร์ริง, 37.0259 บาทต่อ 1 ยูโรดอลลาร์, 29.3940 บาท ต่อ 100 เยน, 3.8967 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 22.9581 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.5667 บาท ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
โควิด 19 ไทย-โลก ยังหนัก
สถานการณ์โรคโควิด-19 วันอังคารที่ 5 ม.ค. ผู้ป่วยรายใหม่ 527 ราย ติดเชื้อในประเทศ 82 ราย จากแรงงานต่างด้าว 439 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 8,966 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 86,102,071 ราย เพิ่มขึ้น 534,035 ราย เสียชีวิต 1,860,427 ราย เพิ่มขึ้น 9,023 ราย สหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยมากที่สุด 21,353,051 ราย ตามด้วย อินเดีย 10,357,569 ราย บราซิล 7,754,560 ราย ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 132
ไม่ล็อคดาวน์
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 แถลงยืนยัน ไม่มีการล็อคดาวน์ 5 จังหวัด สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด แต่ 5 จังหวัดดังกล่าวเป็นพื้นที่แพร่ระบาดอย่างหนัก ต้องมีมาตรการเข้มงวดกว่าพื้นที่ควบคุมสูงสุดเดิม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ใช้ชื่อว่า พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะมีการจำกัดกรอบการเดินทาง ผู้ที่เดินทางไปยังจังหวัดเหล่านี้ จะมีความไม่สะดวกมากยิ่งขึ้น
วัคซีนล็อตแรก ก.พ.
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ภายในเดือน ก.พ. – เม.ย. ไทยจะได้รับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน จำนวน 2 ล้านโดส ถ้าเป็นไปตามแผนภายในเดือน ก.พ.จะได้รับวัคซีน 2 แสนโดสแรก ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง และในเดือนมีนาคมจะได้รับอีก 8 แสนโดส เดือน เม.ย.อีก 1 ล้านโดส ก่อน 26 ล้านโดส จะมาในเดือน พ.ค.
ดอนเมืองต่างด้าวหลบหนีเข้า ติดโควิด 7 คน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เผย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีการจับกุมแรงงานชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 18 คน มาทำงานบริเวณตลาดย่านดอนเมือง ตรวจคัดกรองพบติดเชื้อโควิดถึง 7 คน สอบสวนพบมีนายหน้าและขบวนการนำพาเข้าไทย โดยเสียค่านายหน้าคนละ 6,000 บาท
ครม.เคาะงบ 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้าน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2565 จำนวน 3,100,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.66 หรือ 185,962.5 ล้านบาท จากปีงบประมาณ 64 ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจไทยปี 65 ขยายตัวในช่วงร้อยละ 3.0-4.0 อัตราเงินเฟ้อ อยู่ในช่วงร้อยละ 0.7-1.7
เงินเฟ้อปี 63 ติดลบ 0.85%
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) ประจำปี 63 ลดลง 0.85% จากปี 62 โดยอยู่ในกรอบคาดการณ์ที่ตั้งไว้ติดลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% โดยปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีติดลบมาจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความต้องการบริโภคสินค้าชะลอตัว
คนคลิกฟังเพลง มนต์แคน แก่นคูณ มากสุด
Chart Master เปิดเผยรายชื่อ 10 นักร้อง-ศิลปินที่มียอดเข้าชมผ่านเว็บไซต์ YouTube มากที่สุด ประจำปี 2020 อันดับ 1 “มนต์แคน แก่นคูณ” 976 ล้านวิว ตามด้วย Blackpink 749 ล้านวิว ยังโอม 663 ล้านวิว พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ 587 ล้านวิว illslick 579 ล้านวิว ไผ่ พงศธร 459 ล้านวิว