ต่างชาติผิดหวังจีดีพีไทยโตต่ำ
เงินบาททยอยอ่อนค่าลง หลังจากตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาส 3/66 ชะลอลงและต่ำกว่าที่ตลาดคาด (จีดีพีไทยขยายตัวเพียง 1.5% YoY ในไตรมาส 3/66 ต่ำกว่า Bloomberg Poll ที่ 2.2% YoY และต่ำกว่า 1.8% YoY ในไตรมาส 2/66)
นอกจากนี้ เงินบาทและสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่บันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่า เฟดยังคงไม่ปิดโอกาสที่จะกลับมาปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังไม่กลับไปอยู่ที่ระดับเป้าหมาย
เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสัญญาณขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงอาจจะมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงใกล้สิ้นเดือนของกลุ่มผู้นำเข้า
ในวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 พ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย.2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 6,289 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 2,608 ล้านบาท (ยอดซื้อสุทธิพันธบัตร 1,037 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้หมดอายุ 3,645 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.90-35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (29 พ.ย.) ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนต.ค. ของไทย รวมถึงสัญญาณเงินทุนต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่
ยอดขายบ้านใหม่ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index ยอดขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ข้อมูล ISM และ PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 (prelim.) รายงาน Beige Book ของเฟด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ของจีน อังกฤษและยูโรโซนด้วยเช่นกัน