เปิด“ตลาดนัดพลังงานร่วมใจ” กระต้นศก.ฐานราก
ก.พลังงานจัดงาน “ตลาดนัดพลังงานร่วมใจ” หนุนนำร่อง 4 ผลิตภัณฑ์แปรรูปของชุมชน ติดตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” โปรโมตสินค้าใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขาย กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน “ตลาดนัดพลังงานร่วมใจ” จัดขึ้นภายใต้“โครงการสร้างมาตรฐานการตรวจวัดและรับรองคุณภาพการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อลดการใช้พลังงาน” โดยสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ว่า กระทรวงพลังงาน ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป้าหมายเพื่อสร้างมาตรฐานการตรวจวัดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรภายในชุมชนต่างๆ
พร้อมจัดทำเกณฑ์การมอบตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” มอบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้าน หรือ กลุ่มชุมชนอื่นๆที่สามารถลดการใช้พลังงานในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ลงได้ ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน โดยการนำเทคโนโลยีพลังงานมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตและแปรรูป
จากการดำเนินงานในปี 2562-2563 ที่ผ่านมา คณะทำงานได้ลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลการใช้พลังงานของกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์นำร่อง 4 ประเภท ที่มีการกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ คือ กล้วยตาก ข้าวแตน ข้าวฮาง และกะปิ จำนวนรวมทั้งสิ้น 206 ชุมชน เพื่อนำมาวิเคราะห์หาค่าดัชนีการใช้พลังงานต่อหน่วยผลิต และค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่ละผลิตภัณฑ์
สำหรับจัดทำเป็นเกณฑ์การรับรอง “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” ซึ่งกระทรวงพลังงาน ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้การรับรองและออกเครื่องหมายรับรองมาตราฐานผลิตภัณฑ์ เช่น กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มาร่วมเป็นคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน” โดยมีผู้ผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์ฯและได้ตราสัญลักษณ์ฯ จำนวนทั้งสิ้น 141 แห่ง จาก 206 แห่ง
“การจัดงาน “ตลาดนัดพลังงานร่วมใจ” ในวันนี้ มีกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนจากทุกภาคทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 20 แห่ง มาร่วมการจำหน่ายสินค้าประกอบด้วย ตัวแทนของกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์การรับรองและได้รับตราสัญลักษณ์ฯ จำนวน 8 แห่ง ส่วนอีก 12 แห่งนั้น เป็นกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ฯ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการที่จะดำเนินการขยายผลในปีต่อๆไป” นายกุลิศ กล่าว