ไทยออยล์ คาด น้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่81-86 เหรียญ/บาร์เรล
ไทยออยล์ คาด ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 79-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 81-86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
รายงานจาก บมจ.ไทยออยล์ เผย แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ (8 – 12 พ.ย. 64) คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 79-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 81-86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากปริมาณการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น หลังหลายประเทศมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ และปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในระดับสูงจากราคาก๊าซธรรมชาติที่แพง
นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรที่เพิ่มปริมาณการผลิตตามข้อตกลงเดิม แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ใช้น้ำมันจะออกมาเรียกร้องให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าข้อตกลงที่ได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ราคาคาดจะได้รับแรงกดดันจาก ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น ภายหลังจากการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดจะส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1 – 5 พ.ย. 64) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 81.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 1.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 82.74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 79.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการปรับลดวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรลงตั้งแต่เดือน พ.ย. 64 เป็นต้นไป รวมถึงราคาพลังงานอย่างถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่เริ่มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ รวมถึงปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากราคาก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในระดับสูงและความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว