สงครามการค้าทำนศ.จีนไปเรียนต่อที่อื่น
นักศึกษาจีนเลี่ยงไม่ไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯเนื่องจากสงครามการค้า หลายคนเปลี่ยนไปเรียนที่สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย จากข้อมูลของบริษัทโอนเงิน Easy Transfer
หลังจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อปีที่แล้ว โดยกล่าวหาว่าจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและบีบให้ถ่ายทอดเทคโนโลยี จำนวนนักศึกษาจีนที่ต้องการไปศึกษาต่อในสหรัฐฯลดลงจากความกังวลว่าพวกเขาอาจไม่ได้วีซ่า จากข้อมูลของ Easy Transfer ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพฟินเทคด้านการจ่ายเงินให้กับนักศึกษาจีนในต่างประเทศ
โดยบริษัทซึ่งมีฐานในจีนระบุว่ามีการทำธุรกรรมมากถึง 776 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (24,739 ล้านบาท)
ในปี 2561 อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมการโอนเงินจากจีนไปสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 95% ในปี 2558 ลดฮวบลงมาอยู่ที่ 50% ในไตรมาสแรกของปี 2562 นี้
“ มีแนวโน้มที่นักศึกษาจีนเลือกมหาวิทยาลัยอื่นที่ไม่อยู่ในสหรัฐฯ หลายประเทศได้ประโยชน์เนื่องจากนักศึกษาให้ความสนใจมากขึ้น ทั้งในสหราชอาณาจักร แคนาดาและออสเตรเลีย” โทนี เกา ซีอีโอของ Easy Transfer ระบุ “มีบริษัทจีนมากขึ้นที่คิดเรื่องตลาดอื่น เมื่อพวกเขามีการพัฒนานอกตลาดจีน”
“ รายงานผลสำรวจการศึกษาต่างประเทศของนักศีกษาจีนปี 2562 ” จากบริษัทที่ปรึกษาด้านการศึกษา EIC Education ชี้ว่า 20.14% ของผู้ตอบแบบสำรวจเลือกสหราชอาณาจักรเป็นทางเลือกแรกในการศึกษาต่อต่างประเทศ โดยสหรัฐฯ อยู่ที่ 17.05% โดยตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอื่นๆคือ แคนาดาและออสเตรเลียในกลุ่มประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ รวมถึงเยอรมนีและฝรั่งเศสในยุโรป ขณะที่ตัวเลือกยอดนิยมในเอเชียคือฮ่องกง ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
นักศึกษาจีนมองว่าการศึกษาต่อในสหรัฐฯเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเปิดประตูสู่ตลาดงานชั้นนำในจีน หรือในต่างประเทศ นักศึกษาชาวจีนมีสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3 ของจำนวนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด 1.1 ล้านคนในสหรัฐฯ จากข้อมูลของ Institute of International Education
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป “ สงครามการค้าทำให้ยากขึ้นสำหรับนักศึกษาจีนที่จะสมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ และยากขึ้นที่จะหางานในสหรัฐฯหลังเรียนจบ โดยเฉพาะในภาคส่วนอุตสาหกรรมไฮเทค” จางยู่กวง ซึ่งมีลูกสาววัย 16 ปีและมีเวลาเตรียมตัว 2 ปีเพื่อศึกษาต่อด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในต่างประเทศกล่าวให้ความเห็น
อีกปัจจัยสำคัญคือค่าเงินหยวน ซึ่งอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 6.9 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสองสัปดาห์ล่าสุด ทำให้ค่าเทอมในสหรัฐฯแพงขึ้น จางกล่าว
ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว นักศึกษาจีนในสาขาวิชาหุ่นยนต์ การบิน วิศวกรรม และการผลิตไฮเทค (ซึ่งมีความสำคัญในนโยบายอุตสาหกรรม Made in China 2025 ของจีน) ต้องเผชิญกับการออกวีซ่าที่เข้มงวดขึ้น มีเรื่องเล่าที่น่าตกใจเกี่ยวกับการปฏิเสธไม่ออกวีซ่าให้แพร่กระจายในกลุ่มนักศึกษาจีนในสหรัฐฯ หลายคนลังเลใจ ไม่กล้ากลับไปจีนเพื่อเยี่ยมครอบครัว เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาในสหรัฐฯได้อีก
มีนักศึกษาจีนอย่างน้อย 100 ราย รวมทั้งรายหนึ่งที่ติดอันดับ 1 ใน 10 นักวิทยาศาสตร์ทรงอิทธิพลสูงสุดของวารสารวิทยาศาสตร์ Nature ของอังกฤษ ถูกเลื่อนวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ให้ล่าช้ากว่าเดิม
รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ย้อนกลับไปใช้นโยบายสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่อนุญาตให้พลเมืองจีนได้วีซ่านักเรียน 5 ปี นักศึกษาจีนในสาขาไฮเทคที่ถูกมองว่ามีความอ่อนไหวอาจต้องเจอกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นจากสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันในการแถลงของวุฒิสภาในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว.