คสช.สรุปคดีบึ้มออกหมายจับ 13 ฝากขัง 2
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงความคืบหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนเศษ หลังจากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว 13 คน จับกุมตัวได้แล้ว 2 คน
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 เดือนเศษ ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ชี้แจงความคืบหน้าของการสืบสวน สอบสวนคดี ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา สื่อมวลชนทั้งของไทย และต่างประเทศ รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ นำเสนอข้อมูล และการวิเคราะห์ที่หลากหลายประเด็น โดยบางกรณีอาจคลาดเคลื่อน เนื่องจากมีข้อมูลไม่เพียงพอ หรือตีความไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับสังคม รวมถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นในวันนี้จะเรียนสรุปผลการดำเนินคดีภาพรวมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน ให้ประชาชนได้รับทราบ
ภายหลังเกิดเหตุที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 17 และ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่ เข้ารวบรวมหลักฐาน วัตถุพยาน ตรวจสอบพยานบุคคลและกล้องวงจรปิด โดยผลจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อออกหมายจับชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ (ชายเสื้อเหลือง) ผู้ต้องหาวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ และชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ (ชายเสื้อฟ้า) ผู้ต้องหาวางระเบิดที่ท่าเรือสาทร หลังจากเกิดเหตุ 2 วัน จากนั้นยังคงรวบรวม และตรวจสอบหลักฐาน พยานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ จนได้ข้อมูลเพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้น พูลอนันต์อพาร์ตเม้นต์ เขตหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา สามารถจับกุม นายอาเดม คาราดัก ในห้องพักเลขที่ 412 พร้อมของกลางอุปกรณ์ และสารประกอบระเบิดจำนวนมาก รวมทั้งหนังสือเดินทางกว่า 100 เล่ม
เมื่อสอบสวน นายอาเดม ขั้นต้นแล้ว สามารถขยายผลต่อเนื่องเข้าตรวจค้นที่ ไมมูณาการ์เด้นโฮม เขตมีนบุรี ยึดได้ของกลางเป็นอุปกรณ์และสารประกอบระเบิดจำนวนมาก จากห้อง 9106 โดยไม่พบเจ้าของห้องต่อมาจึงออกหมายจับผู้เช่าลงชื่อเช่าห้องพัก คือ น.ส.วรรณา สวนสัน และชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ ซึ่งพักอยู่ในห้องดังกล่าวรวม 2 คน เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 58
ผลการตรวจค้นหอพัก ในเขตหนองจอกและเขตมีนบุรี รวมทั้งการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงิน ทำให้ทราบตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มและออกหมายจับผู้เช่าห้องพักที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เพิ่มเติมอีกจำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ (นายอาลีโจลัน, นายอาฮ์เม็ด โบซองแลน, ชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ ตามภาพสเกตช์, นายอับดุลเลาะห์อับดุลเลาะห์มาน และชายชาวต่างชาติไม่ทราบชื่อ) พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุระเบิด และศาลยังได้อนุมัติหมายจับ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีของ น.ส.วรรณา ที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาที่พักให้กับขบวนการก่อเหตุที่แยกราชประสงค์
ส่วนที่สอง เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 58 เจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังบูรพา สามารถควบคุมตัว นายเมียไรลี ยูซูฟู ซึ่งมีท่าทางพิรุธและลักษณะต้องสงสัยว่า อาจเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ บริเวณบ้านดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงนำตัวมาสอบสวนหาความเชื่อมโยง รวมทั้งได้มีการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า ลายนิ้วมือแฝงของนายยูซูฟู ปรากฏอยู่บนถังบรรจุสารประกอบระเบิด ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบภายในห้องพักเลขที่ 414 พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ จากความเชื่อมโยงดังกล่าวเป็นหลักฐานเพียงพอในการที่ศาลอนุมัติออกหมายจับ นายยูซูฟู ในเวลาต่อมา
จากนั้นเมื่อวันที่ 8 และ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายยูซูฟูไปชี้จุดเกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพใน 4 พื้นที่ ได้แก่ พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์, ไมมูณาการ์เด้นโฮม, สถานีรถไฟหัวลำโพง และพื้นที่แยกราชประสงค์ แล้วควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม ณ เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี จากคำให้การของนายยูซูฟู ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่ พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ และธนาคารกรุงเทพ รวมทั้งพยานบุคคล เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหาเพิ่มเติม จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรือ อิซาน ได้อีก 1 คน ซึ่งน่าจะเป็นบุคคลสำคัญในคดีนี้
ส่วนที่สามจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของ น.ส.วรรณา สวนสัน และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามี พบว่า มีความเชื่อมโยงถึง นายอับดุลย์ ทาวาบ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ที่เคยไปพักอาศัยอยู่ที่ จุฑาแมนชั่น เขตพระโขนง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจค้นหอพักดังกล่าว แต่ไม่พบตัว นายอับดุลย์ ทาวาบ เพราะได้ย้ายของออกไปตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน โดยมี นางปณิฐ์สรา ชาลีรัฐรมย์ เป็นผู้ขนย้ายของไปเก็บไว้ที่หอพักย่านดินแดง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบหอพักในย่านดินแดง และเชิญตัวนางปณิฐ์สรา ชาลีรัฐรมย์ ไปเป็นพยาน จากความเชื่อมโยงดังกล่าวศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับ นายอับดุลย์ ทาวาบ เพิ่มอีก 1 คน เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 58
ขณะนี้ศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วทั้งสิ้น จำนวน 13 คน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน ซึ่งขอฝากขังต่อศาลเป็นครั้งที่ 2 โดยควบคุมตัวไว้ ณ เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทุ่มเทและร่วมกันทำงานเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ทั้งในเรื่องการสืบสวนสอบสวนคดี การช่วยเหลือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ การรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนการดูแลนักท่องเที่ยว รวมทั้งการขอความร่วมมือกับมิตรประเทศในเรื่องข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาตามหมายจับ
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนยังคงเร่งสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีผู้กระทำผิด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความรอบคอบในทุกๆ ด้าน จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และหากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์ในคดีนี้ ขอให้แจ้งผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และสายด่วน 1515 ได้ตลอดเวลา