ส่งออก “เครื่องสำอางไทย” โตโดดเด่น ทุกตลาด
FTA ทลายกำแพงภาษีนำเข้าใน 18 ประเทศคู่ค้า ดันมูลค่าส่งออกเครื่องสำอางไทย ขยายตัวต่อเนื่อง สวนกระแสเศรษฐกิจโลกซบเซา 8 เดือนแรก ปี 2562 เติบโตถึง 11 %
สินค้าเครื่องสำอางของไทย จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งในสินค้า ที่น่าจับตามอง มิใช่น้อย…
เนื่องจากมูลค่าการส่งออกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนกระแสกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เห็นได้จากในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ส.ค.) ประเทศไทยสามารถส่งออกสินค้าเครื่องสำอางสู่ตลาดโลกมีมูลค่าถึง 2,346.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วง 8 เดือนแรกของปี 2561
ที่น่าสนใจคือ…ตลาดส่งออกที่สำคัญขยายตัวเกือบทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น อาเซียน ที่มีการขยายตัวร้อยละ 2 มูลค่าการส่งออก 651 ล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 0.1 มีมูลค่าการส่งออก 328 ล้านเหรียญสหรัฐ จีน ขยายตัวร้อยละ 26 มีมูลค่าการส่งออก 279 ล้านเหรียญสหรัฐ สหภาพยุโรป ขยายตัวร้อยละ 25 มีมูลค่าการส่งออก 140 ล้านเหรียญสหรัฐ อินเดีย ขยายตัวร้อยละ 90 มีมูลค่าการส่งออก 94 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกาหลีใต้ ขยายตัวร้อยละ 10 มีมูลค่าการส่งออก 84 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและตกแต่งใบหน้า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผม และวัตถุดิบที่ใช้ทำเครื่องสำอาง เช่น เอสเซนเชียลออยล์ เป็นต้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เล่าว่า ความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ มีส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้การส่งออกสินค้าเครื่องสำอางของไทยเติบโต เพราะช่วยขจัดอุปสรรคภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า
ปัจจุบันสินค้าเครื่องสำอางของไทยทุกรายการไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 14 ประเทศคู่ค้าที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮ่องกง ส่วนอีก 4 ประเทศคู่เอฟทีเอที่เหลือ ได้แก่ เกาหลีใต้ อินเดีย ชิลี และเปรู ได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเครื่องสำอางส่วนใหญ่ให้ไทยแล้ว แต่คงการเก็บภาษีนำเข้าบางรายการ
และเมื่อเปรียบเทียบสถิติ มูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องสำอางของไทยสู่ตลาดโลกในปี 2561 กับปี 2535 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ความตกลง FTA ฉบับแรกของไทยกับอาเซียนจะมีผลบังคับใช้
พบว่า …มูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องสำอางในปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3,353 โดยเป็นมูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องสำอางจากไทยไปยัง 17 ประเทศ ที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย (ยกเว้นฮ่องกง ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิถุนายน 2562) รวม 2,469.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80.40 ของการส่งออกสินค้าเครื่องสำอางของไทยทั้งหมด
และหากแยกรายตลาดออกมาจะ พบว่าจากปีที่ความตกลงเอฟทีเอ แต่ละฉบับมีผลใช้บังคับจนถึงปี 2561 มูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องสำอางของไทยไปประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด เช่น อาเซียน ร้อยละ 4,565 จีน ร้อยละ 2,433 ออสเตรเลีย ร้อยละ 723 ญี่ปุ่น ร้อยละ 278 นิวซีแลนด์ ร้อยละ 266 อินเดีย ร้อยละ 159 และเกาหลีใต้ ร้อยละ 137 เป็นต้น สอดคล้องกับสถิติปี 2561 ที่สินค้าเครื่องสำอางเป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยขอใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกมากเป็นอันดับต้น
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เครื่องสำอางไทยมีจุดเด่น คือความแปลกใหม่ และการมีส่วนผสมของสมุนไพรที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ประกอบกับการที่ผู้บริโภคหันมาสนใจเรื่องการรักษาผิวพรรณ สุขอนามัยและภาพลักษณ์ ทำให้ความต้องการสินค้าเครื่องสำอางในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต จึงถือเป็นโอกาสทองที่สินค้าเครื่องสำอางของไทยจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น.