ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 17-18 มิ.ย.2565
พรุ่งนี้ (18 มิ.ย.65) อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทีมพรรคเพื่อไทย บุกศรีสะเกษ พื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ล่าสุด โดยเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดูด ส.ส.ไปเกือบเกลี้ยงแล้ว
เรื่องที่ 1,185 ตอนนี้ “ศรีสะเกษ” โดนภูมิใจไทย ดูดไปแล้วอย่างน้อย 3 คน คือ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ , นายธีระ ไตรสรณกุล , นางผ่องศรี แซ่จึง โดยทั้ง 3 คนล้วนเป็นเครือญาติของ “นายวิชิต ไตรสรณกุล” นายกฯ อบจ.ศรีสะเกษ พ่อของ “นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล” รองโฆษกรัฐบาล
ไปศรี-เกษรอบนี้ พรรคเพื่อไทย ได้มือดีอย่าง เต้น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตเลขา นปช.มาร่วมในฐานะ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หวังเรียกฐานมวลชนเสื้อแดงให้กลับคืนมา
พรรคเพื่อไทย ตั้งชื่องานนี้ว่า “ตีหนู ไล่งูเห่า” ประกาศว่า ใครจะกินกล้วยเพื่อไทยไม่สน ครอบครัวเพื่อไทยจะขอไปศรีสะเกษ! พบปะพี่น้องประชาชนและเสนอตัวเลือกคนใหม่ที่พร้อมเป็นตัวเลือกและจะไม่ทรยศพี่น้อง
งานนี้ จัดหนักจัดเต็มปราศรัยใหญ่ 3 อำเภอ 3 เวที ประกอบด้วย อุทุมพรพิสัย ราษีไศล และขุนหาญ นำทีมโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายสุทิน คลังแสง นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
เรื่องที่ 1,186 ชีวิตมีค่าขึ้นทุกวันสำหรับคนไทย หลังจากที่เมื่อวาน (16 มิ.ย.) บก. ชวนคุยเพิ่งแจ้งให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มขึ้นอีก 1 อย่างนั่นก็คือ ค่าก๊าซหุงต้มครัวเรือนหรือ หรือแอลพีจี (LPG) ในวันที่ 1 ก.ค. ราคาจะขยับเพิ่มอีก 15 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มาอยู่ที่ 378 บาทและจะขยับอีก 2 ครั้งในเดือน ส.ค. และก.ย. จนราคาจะไปอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
ล่าสุดวันนี้ (17 มิ.ย.) ชีวิตของพวกเราทุกคนกำลังจะมีค่าเพิ่มขึ้นอีก เมื่อ “คมกฤช ตันตระวาณิชย์” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และสวมหมวกอีกหนึ่งใบเป็นโฆษกของ กกพ. ระบุชัดเจนว่า แนวโน้มการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่าเอฟที (FT) งวดสุดท้ายของปีนี้ (เดือนก.ย.-ธ.ค.2565) มีโอกาสปรับสูงขึ้นจากประมาณการไว้เดิม ที่คาดว่า จะปรับขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย
ฟังจากคำพูดของท่านเลขา กกพ. แล้ว ส่งสัญญาณชัดเจนมากว่าตั้งแต่เดือนก.ย. เป็นต้นไป ค่าไฟฟ้าที่บ้านของพวกเราจะต้องจ่ายเพิ่มอีกขั้นต่ำ 40 สตางค์ต่อหน่วยจากเดิมที่ปัจจุบันนี้เราจ่ายกันอยู่ที่ 4 บาทต่อหน่วย จะกลายเป็น 4.40 บาทต่อหน่วยเป็นอย่างน้อย ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ต้องเป็นอย่างนั้นก็คือ สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เข้ามาผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณกว่า 40% จากเดิมคาดว่า จะใช้ LNG ประมาณ 30% หลังต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล ปรับสูงขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยลดลง ประกอบกับการรับก๊าซฯ จากเมียนมามีแนวโน้มลดลง อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 35 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากเดิมประมาณการอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่าเอฟที งวดสุดท้ายของปีนี้จะเป็นเท่าไหร่นั้น ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ค่าเชื้อเพลิงที่แท้จริงอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ แต่เบื้องต้นคาดว่า ค่าเอฟทีงวดสุดท้าย จะปรับขึ้นไม่ถึง 5 บาทต่อหน่วย ฟังจบก็ได้แต่ละเหี่ยใจ พร้อมถอนหายใจยาวๆ คิดว่า จะไม่มีอะไรที่ลดลงบ้างเลยเหรอครับ “บิ๊กตู่”
เรื่องที่ 1,187 “โป๊ะ-พรชัย ฐีระเวช” ผอ.สศค. ลงมาแถลงข่าวตัวเป็นๆ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลังเอเปค ระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย.นี้ ที่จังหวัดขอนแก่น ถือเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีของ สศค.โดยมีเจ้าหน้าอาวุโสทางด้านการคลังจากอาเซียนเข้าร่วมประชุมพร้อมหน้าพร้อมตาไม่น้อยกว่า 50 คน หลังจากนั้น จะสรุปผลการหารือเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 ในเดือนต.ค.นี้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบุคคลากร สศค.ที่ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากนี้ ผอ.จะแถลงข่าวเรื่องดังกล่าว ยาวเหยียดก็ตาม
แต่ไฮไลท์อยู่ที่ตอนจบ นักข่าวเข้ารุมสกัม ถาม “ผอ.สศค.” ทุกเรื่อง ตั้งแต่รายได้ของรัฐบาล ไปจนถึงมาตรการทางด้านพลังงาน ผลปรากฏว่า ตอบได้หมด ไม่หนี-ไม่ถอย-ไม่โกรธ สมกับเป็นเด็กสวนกุหลาบจริงๆ โดยเฉพาะประเด็นใหญ่เรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศกับสหรัฐฯ แตกต่างกันถึง 1.25% “โป๊ะ” พูดได้คำเดียวเลยว่า ไม่มีผลกระทบทางด้านการคลัง เนื่องจากรายได้รัฐบาลผ่านมาแล้ว 7 เดือน (ต.ค.64-เม.ย.65) จัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายแล้ว 45,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ หากหักรายได้จากการลดภาษีน้ำมันของกรมสรรพสามิตลงแล้ว 2 เดือน จำนวน 20,000 ล้านบาท ช่วงเวลาที่เหลืออีก 5 เดือน ผลการจัดเก็บรายได้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย 2.4 ล้านล้านบาท ค่าเฉลี่ยจีดีพี ประเมินจากหลายสำนักเช่น ธปท. สภาพัฒน์ เบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 3-3.5%
ส่วนของจริงของกระทรวงการคลัง ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะแถลงตัวเลขจีดีพีปี2565 พร้อมแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าได้ในเดือนก.ค.นี้ อย่างแน่นอน สมกับเป็น “ผอ.สศค.และโฆษกกระทรวงการคลัง” จริงๆ
เพราะต้องไม่ลืมว่า บุคคลสำคัญของกระทรวงการคลังในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา เกือบทั้งหมดได้ผ่านตำแหน่งนี้มาแล้ว ถึงจะขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการคลังนะครับ!!
โดยนพวัชร์