ธ.ก.ส. ออกให้บริการเกษตรกร
ธ.ก.ส. ออกให้บริการเกษตรกรแจ้งความประสงค์ เข้าร่วมโครงการลดภาระหนี้ พร้อมเสริมความรู้และสร้างภูมิคุ้มกัน
ธ.ก.ส.ออกให้บริการเกษตรกรลูกค้า ลงทะเบียนยืนยันแจ้งความประสงค์ร่วมโครงการขยายเวลาชำระหนี้ต้นเงินกู้ 3 ปี ปรับตารางชำระหนี้ให้สอดคล้องกับที่มาของรายได้ตามความสมัครใจ และลดดอกเบี้ยสำหรับต้นเงินกู้ 300,000 บาทแรก เหลือร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี คาดเกษตรกรได้รับประโยชน์ 3.81 ล้านราย พร้อมเร่งบูรณการเสริมความรู้ ฟื้นฟูอาชีพ เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การสร้างอาชีพเสริม และการเพิ่มช่องทางด้านการตลาด ควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการออม เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรภายใน 3 ปี
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส. ได้ดำเนินมาตรการลดภาระหนี้เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐแก่เกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นภาระหนักให้สามารถกลับมาฟื้นฟูตนเองทั้งการประกอบอาชีพและการสร้างรายได้ โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 3.81 ล้านราย ประกอบด้วย 1.โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกร สำหรับต้นเงินกู้ 300,000 บาทแรก ลดลงในอัตรา 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2561 ถึงวันที่ 31 ก.ค.2562 เพื่อบรรเทาความเดือด ร้อน และเป็นการลดต้นทุนในการประกอบอาชีพ สามารถฟื้นฟูตนเองรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือนและออมเงินมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรไปแล้ว 3.81 ล้านราย เป็นเกษตรกรทั่วไป 2.43 ล้านราย และเป็นเกษตรกรที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1.38 ล้านราย
2.โครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีหนี้เงินกู้ที่เป็นภาระหนัก เพื่อผ่อนคลายภาระหนี้สิน แบ่งเบาปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในครัวเรือน โดยขยายระยะเวลาชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2561 ถึงวันที่ 31 ก.ค 2564 ตามความสมัครใจ สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ชำระตามกำหนดเดิม หรือตามที่มาแห่งรายได้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เว้นในกรณีเป็นภาระหนักให้ขยายเวลาชำระดอกเบี้ยหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นราย ๆ ไป ซึ่งขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรไปแล้ว 715,114 ราย วงเงิน 205,521 ล้านบาท
นายอภิรมย์ กล่าวว่าเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรลูกค้า พนักงาน ธ.ก.ส.จะนัดหมายและออกไปพบเกษตรกรลูกค้าเพื่อประชุมชี้แจงรายละเอียดโครงการและสอบถามความสมัครใจ ณ จุดนัดหมายต่างๆ ที่เกษตรกรสะดวก โดยเกษตรกรสามารถแจ้งความประสงค์และลงชื่อในแบบแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2561 จึงขอเชิญให้พี่น้องเกษตรกรที่ได้รับการนัดหมายมาประชุมและแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ หากพ้นกำหนดจะไม่ได้รับสิทธิ์ขยายเวลาชำระหนี้ แต่ยังคงได้รับสิทธิ์ลดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปสนับสนุนฟื้นฟูการประกอบอาชีพให้สามารถแข่งขันมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรสู่ความยั่งยืน โครงการสินเชื่อชุมชนเพื่อการปรับเปลี่ยนการผลิตและพัฒนาอาชีพผู้มีรายได้น้อย(XYZ)
อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อย อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือน โครงการลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป็นต้น โดยธ.ก.ส.จัดสินเชื่อเพื่อรองรับการฟื้นฟูรวม 250,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรณีเกษตรกรที่มีความสามารถชำระหนี้ได้และมีความประสงค์ชำระหนี้ครบถ้วนตามกำหนดทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยจะสามารถขอสินเชื่อใหม่ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบอาชีพ อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปีในปีแรกและปีต่อไปคิดในอัตราปกติ วงเงินให้สินเชื่อรวม 100,000 ล้านบาท นอกจากนั้นเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจและลดภาระหนี้ให้กับพี่น้องเกษตรกรที่ชำระหนี้ได้ตามกำหนด รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรลูกค้ารักษาวินัยการเงินการคลัง ธ.ก.ส.จะคืนดอกเบี้ยให้กับลูกค้าที่ส่งชำระคืนในอัตรา 30% ของจำนวนดอกเบี้ยที่ชำระกับโครงการชำระดีมีคืน ซึ่งข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2561 คืนดอกเบี้ยให้กับลูกค้าไปแล้ว 1.639 ล้านราย เป็นเงิน 2,462.59 ล้านบาท
“สิ่งสำคัญที่จะต้องทำควบคู่ไปด้วยคือการสร้างภูมิคุ้มกันในเรื่องการออม เพื่อให้เกษตรกรก้าวพ้นปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน โดย ธ.ก.ส.จะส่งเสริมให้เกษตรกรนำรายได้ส่วนเหลือจากค่าใช้จ่าย มาเก็บออมเงินอย่างต่อเนื่องกับผลิต ภัณฑ์เงินฝากต่างๆ ของ ธ.ก.ส.ซึ่งได้จัดโปรแกรมมอบสิทธิประโยชน์และรางวัลพิเศษแก่ผู้ออมเงินที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อจูงใจและให้กำลังใจในการออมโดยสมัครใจ เช่น เงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค ที่ฝากสะสมเฉลี่ยทุกๆ 1,000 บาท เป็นระยะ เวลาติดต่อกัน 6 เดือน จะได้สิทธิ์ชิงรางวัลพิเศษเพิ่มจากเดิมอีกปีละ 1 ครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง และผลิตภัณฑ์ “ธกส มอบรัก” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประกันแบบคุ้มครองสินเชื่อ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง เป็นต้น ทั้งนี้ มาตรการและโครงการต่างๆ เป็นการดูแลแก้ไขปัญหาหนี้แบบครบวงจร ทำให้เกษตรกรมีขวัญและกำลังใจในการพัฒนาตนเอง เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคและความยากลำบาก โดยหลุดพ้นจากวงจรหนี้ สามารถกลับมาประกอบอาชีพและสร้างรายได้ เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคงยั่งยืน”