อินโดฯ อาจว่างงานสูงสุดใน 10 ปี
จาการ์ตา (รอยเตอร์) – อัตราการว่างงานในอินโดนีเซียอาจสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษในปีนี้จากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนอาจติดเชื้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสสอง
ซูฮาร์โซ โมโนอาร์ฟา รมว.วางแผนกล่าวในการอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ว่า อาจมีคนว่างงานมากถึง 4 – 5.5 ล้านคนในปีนี้ ทำให้อัตราการว่างงานของประเทศอาจพุ่งไปที่ 8.1 – 9.2% เมื่อเทียบกับ 5.28% ในปี 2562
โดยเขาระบุว่า อัตราการว่างงานอาจอยู่ระหว่าง 7.7 – 9.1% ในปี 2564
การคาดการณ์ยังเป็นไปในแง่บวกกว่าหอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ( Kadin) ซึ่งประธานหอการค้าคาดการณ์ว่าการเลิกจ้างพนักงานรอบใหม่ในเดือนส.ค.จะสูงกว่าที่ประเมินไว้คือ 6.4 ล้านคน
รมว.โมโนอาร์ฟาคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรที่ใช้ชีวิตต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจนจะเพิ่มเป็น 26.2 – 27.5 ล้านคน ทำให้อัตราความยากจนของประเทศที่มีประชากรมากกว่า 260 ล้านคนแห่งนี้อยู่ที่ 9.7-10.2%
“ การระบาดของโควิด-19 ในวันที่ 30 มี.ค. – 6 มิ.ย. ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับชั่วโมงการทำงาน ทำให้กำลังซื้อหายไปประมาณ 362 ล้านล้านรูเปียห์ ( 814,500 ล้านบาท ) ” เขากล่าว
โดยทางกระทรวงประเมินว่าจีดีพีของปี 2563 จะหดตัวลง 0.4% ลงมาอยู่ที่ 1%
รมว.กระทรวงการคลังศรีมุลยานี อินทราวาตีกล่าวในการอภิปรายเดียวกันว่า คาดการณ์ว่าจีดีพีของไตรมาสสองจะหดตัวลงถึง 3.8% เมื่อเทียบกับการประเมินก่อนหน้านี้คือหดตัวลง 3.1%
เธอยังเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในจังหวัดใหญ่ๆของอินโดนีเซีย เช่น ชวาตะวันออก อาจเพิ่มแรงกดดันกับจีดีพีมากยิ่งขึ้น
รมว.โมโนอาร์ฟาทำนายว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้จะดิ่งร่วงลงมาอยู่ที่ 3,300 – 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 102,762 – 152,586 ล้านบาท ) จากเดิมคือ 19,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 613,458 ล้านบาท) ในปี 2562
รัฐบาลจัดสรรเงินงบประมาณเกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 1.55 ล้านล้านบาท ) ให้กับงบประมาณการใช้จ่ายด้านสาธารณสุข การปกป้องทางสังคม และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยายามจัดการผลกระทบของโรคระบาด