มาเลย์ดึงนักลงทุนกระทบจากสงครามการค้า
กัวลาลัมเปอร์ (รอยเตอร์) – มาเลเซียจัดตั้งบอร์ดการลงทุน fast-track จากความพยายามที่จะดึงดูดธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และมีการอนุมัติข้อเสนอใหม่ๆมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล
มีธุรกิจจากสหรัฐฯและจีนเพิ่มมากขึ้นที่มีแผนย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อเลี่ยงภาษีที่ตอบโต้กับสินค้าของกันและกันของสองประเทศมหาอำนาจ
โดยคณะกรรมการการลงทุนแห่งชาติ National Committee on Investment I (NCII) คณะใหม่ของมาเลเซียตั้งเป้าที่จะสนับสนุนการลงทุนในมาเลเซีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอนุมัติการลงทุนมูลค่า 2,200 ล้านริงกิต ( 16,324 ล้านบาท ) ในการประชุมครั้งแรก
“ หากมีการอนุมัติเกิดขึ้นก่อนหน้านี้สัก 3 เดือน ตอนนี้จะใช้เวลาหนึ่งเดือนที่เอกสารจะสมบูรณ์เมื่อคณะกรรมการอนุมัติ” องเคียนมิง รมช. กระทรวงการค้าต่างประเทศและอุตสาหกรรมกล่าวให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
“เป็นความพยายามที่จะเร่งดึงดูดการลงทุนที่ย้ายฐานการผลิตจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน” เขากล่าว
เวียดนามถูกมองว่าเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการย้ายฐานธุรกิจเพื่อเลี่ยงภาษ๊สหรัฐฯที่จัดเก็บมากขึ้นกับสินค้านำเข้าจากจีน แต่ประเทศไทยก็ได้เสนอมาตรการเพื่อดึงดูดใจบริษัทที่ต้องการย้ายฐานการผลิตเช่นกัน
เงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเป็น 50,000 ล้านริงกิต ( 371,000 ล้านบาท ) ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นเงินทุนในภาคการผลิตเกินครึ่ง โดยรมช.อง ระบุว่าเขามีความหวังว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง
คณะกรรมการใหม่นำโดยรมว.กระทรวงการคลัง , กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม โดยมีอำนาจในการอนุมัติสิ่งจูงใจได้ทันที รมช.องปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่าได้อนุมัติอะไรไปบ้าง
การลงทุนจากสหรัฐฯ มีมูลค่าสูงสุด 5,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 172,534 ล้านบาท ) ในช่วงครึ่งปีนี้และเขาคาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นอีก
ทั้งนี้ Intel Corp , Dell Technologies Inc และ On Semiconductor Corp เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ของมาเลเซีย
“ เรามองเห็นการลงทุนใหม่ที่มาจากบริษัทสหรัฐฯ ที่มีอยู่เดิม และบริษัทรายใหม่ที่เข้ามาในมาเลเซีย ผมทราบว่ามีอย่างน้อยหนึ่งบริษัทที่แสดงท่าทีสนใจมากที่จะมาลงทุนในมาเลเซีย นี่เป็นโรงงานใหม่ที่จะสร้างขึ้น” เขากล่าวโดยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท
เขากล่าวว่าจำนวนผู้สมัครซึ่งเป็นนักลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ และ FDI อาจเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนล่าสุด หลังจากลดลงไปอยู่ที่ 5,100 ล้านริงกิต ( 37,842 ล้านบาท ) ในช่วงครึ่งปีแรก จากเดิม 5,690 ล้านริงกิต ( 42,219 ล้านบาท ) ในปีที่แล้ว