ปราบโกงในมาเลย์แค่นาจิบไม่พอ

อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซียถูกตั้งข้อหาทุจริตหลายคดี โดยคดีสำคัญคือการยักยอกเงินจำนวนมหาศาลจากกองทุนฉาว 1MDB เข้าบัญชีส่วนตัวและฟอกเงินจนถูกยึดทรัพย์จำนวนมาก
การปราบทุจริตในมาเลเซียเริ่มต้นหลังจากพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน Pakatan Harapan พลิกกลับมาชนะการเลือกตั้งในมาเลเซียได้ในปีที่แล้ว ทำให้ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัดได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาเดินหน้าตรวจสอบอดีตนายกฯนาจิบในทันที มีคำสั่งห้ามนาจิบเดินทางออกนอกประเทศ และเข้ายึดทรัพย์สินในบ้านและออฟฟิศของเขาอย่างรวดเร็ว โดยสามารถยึดเงินสดและทรัพย์สินได้มากกว่า 273 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (8,755 ล้านบาท) เฉพาะกระเป๋าถือหรูราคาแพงอย่างเดียวก็มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (320 ล้านบาท) แล้ว
ข่าวฉาวนี้ทำให้นาจิบเป็นสัญลักษณ์ของการคอร์รัปชั่นในมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจว่า การทุจริตโกงกินฝังรากลึกในสังคมมาเลเซียมายาวนาน ในปีนี้ มาเลเซียรั้งอันดับ 61 จากดัชนีความโปร่งใสที่รวบรวมข้อมูลประจำปีจาก 180 ประเทศ ซึ่งถือว่าดีกว่าประเทศในอาเซียนโดยเฉลี่ย แต่ยังคงห่างชั้นจากสิงคโปร์และฮ่องกง ที่ขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว
ในปี 2557 ผลสำรวจของ Transparency International ชี้ว่าประชาชนคิดว่าพรรคการ เมืองคือองค์กรที่มีการทุจริตโกงกินมากที่สุดในมาเลเซีย รองลงมาคือตำรวจและข้าราชการพลเรือน
กองทุน 1MDB อาจเป็นข่าวพาดหัวเรื่องการทุจริตของมาเลเซียไปทั่วโลก แต่มีองค์กรอื่นๆที่ขึ้นชื่อเรื่องการคอร์รัปชั่นมานาน ตัวอย่างเช่น MARA , FELDA หรือ Tabung Haji ทั้งหมดล้วนเป็นองค์กรภาครัฐที่ถูกกล่าวหาว่ามีการโกงกินมาตลอด
ประชาชนฝากความหวังไว้กับรัฐบาลนายกฯมหาเธร์ว่าจะเดินหน้าปราบทุจริตอย่างเด็ดขาดตามที่เคยสัญญาไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง .ในปีที่แล้ว รัฐบาลดูจะขึงขังมุ่งปราบโกงอย่างเต็มที่ แต่มาถึงตอนนี้ หลายคนมองว่ากระบวนการเริ่มแผ่วลงและล่าช้า
เนื่องจากอดีตนายกฯนาจิบตั้งคนของตัวเองไว้ตามหน่วยงานต่างๆ จำนวนมาก เขาจึงยังมีเส้นสายและอำนาจเหลืออยู่ พรรคพวกของเขาพยายามดึงเกมให้กระบวนการพิจารณาคดีในศาลล่าช้า เพื่อให้ทีมกฎหมายมีเวลาในการช่วยเหลือเขาให้หลุดคดีได้มากขึ้น ขณะที่เขาเองก็พยายามโปรโมทตัวเองในโซเชียลมีเดีย ถึงขนาดลงทุนทำเป็นมิวสิควีดีโอ เพื่อสร้างภาพว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อของรัฐบาลชุดนี้ และเขายังเป็นคนของประชาชน
คอร์รัปชั่นฝังรากลึกในมาเลเซีย แต่ความพยายามอย่างสุดกำลังของภาคประชาสังคมจะช่วยผลักดันกระตุ้นรัฐบาลให้มีการปราบทุจริตอย่างจริงจัง ทั้งกับอดีตนายกฯ และหน่วยงานอื่นๆ รัฐบาลพรรค Pakatan Harapan ในตอนนี้มีอำนาจที่จะทำได้อย่างเต็มที่ จึงไม่ควรพลาดโอกาสทองโดยเด็ดขาด.