เริ่ม 1 เม.ย.ถนนออชาร์ดปลอดบุหรี่
สิงคโปร์ – สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (NEA)ของสิงคโปร์ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป จะมีการปรับเงินผู้ที่สูบบุหรี่นอกเขตที่กำหนดไว้บนถนนออชาร์ด หลังจากมีช่วงเวลาประกาศเตือน 3 เดือน โดยเจ้าหน้าที่จะออกเตือนผู้ที่สูบบุหรี่นอกเขตที่ระบุไว้
โดยในวันที่ 1 เม.ย. ทางการได้กำหนดให้ย่านถนนออชาร์ดเป็นเขตปลอดบุหรี่ ทำให้เหลือบริเวณสูบบุหรี่ หรือกรอบสีเหลืองอีก 50 แห่ง โดยประชาชนสามารถสูบบุหรี่ภายในกรอบดังกล่าวได้
ทาง NEA แถลงการณ์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ว่า หลังจากที่ทางถนนออชาร์ดได้ประกาศเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ ทำให้มีช่วงเวลาเตือนประชาชนล่วงหน้านาน 3 เดือนตามมา เพื่อ “ให้เวลากับประชาชนในการปรับตัวอย่างเพียงพอ”
โดยช่วงเวลาดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค. และหลังจากนั้นในวันที่ 1 จะเริ่มดำเนินการปรับผู้ที่สูบบุหรี่นอกพื้นที่ที่กำหนดไว้ทันที
ด้านทางการสิงคโปร์จะปรับผู้สูบบุหรี่นอกพื้นที่ที่กำหนดไว้เป็นเงินราว 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 4,679 บาท หรือค่าธรรมเนียมศาลมากถึง 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 23,397 บาท
ทาง NEA ระบุว่า ทางสำนักงานได้ออกคำเตือน “ในค่าเฉลี่ยสูงถึง 1,900 ครั้งต่อวัน” เมื่อเริ่มเปิดตัวบริเวณปลอดบุหรี่ตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. ปีนี้
หลังจากนั้น ในช่วงกลางเดือน มี.ค. ตัวเลขผู้สูบบุหรี่ที่ได้รับการเตือนจากสำนักงานลดลงถึง 70% เป็น 550 ครั้งต่อวัน
ทาง NEA เรียกร้องผู้ให้การสนับสนุน ให้ความร่วมมือด้านการดำเนินงานตามมาตรการ เช่น การใช้ถังขยะที่ไม่มีที่เขี่ยบุหรี่แทนถังขยะที่มี และทำหน้าที่ขอไม่ให้ประชาชนสูบบุหรี่นอกเขตที่ระบุไว้
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการพยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า ถนนออชาร์ดเป็นเขตปลอดบุหรี่ รวมถึงโฆษณามาตรการดังกล่าวในสถานีรถไฟใต้ดิน บนป้ายสัญลักษณ์ โปสเตอร์ และใบปลิว
ทาง NEA ระบุว่า จะพยายามเพิ่มความตระหนักและประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทั่วไปได้ทราบว่า ถนนออชาร์ดได้กลายเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่แล้ว
ทางสำนักงานระบุว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนสำหรับสูบบุหรี่ ผู้ร่วมทำแบบสำรวจกว่า 80% “เห็นด้วยว่าปริมาณควันบุหรี่มือสองบนท้องถนนหลักลดลง และประสบการณ์โดยรวมที่ได้มาเยี่ยมเยือนถนนออชาร์ดก็ดีขึ้น”
การสำรวจความคิดเห็นในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามถึง 539 ราย ในช่วงระหว่างเดือน ม.ค.-กลางเดือนมี.ค. ในพื้นที่บริเวณถนนออชาร์ด
สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ระบุว่า “ในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม มีผู้สูบบุหรี่คิดเป็นเปอร์เซ็นทั้งหมด 20% โดยในจำนวนนี้ 82% เห็นด้วยว่า เขตปลอดบุหรี่ช่วยลดปริมาณควันบุหรี่มือสอง ในขณะที่อีก 62% เห็นด้วยว่า เขตปลอดบุหรี่ได้ช่วยยกระดับประสบการณ์การมาเยือนโดยรวมให้ดีมากยิ่งขึ้น”.