มหาเธร์ชี้มาเลย์ควรเท่าเทียมทุกเชื้อชาติ
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดแห่งมาเลเซียระบุว่า ความมั่งคั่งของมาเลเซียต้องกระจายไปให้เท่าเทียมกันกับพลเมืองทุกเชื้อชาติ โดยเสริมว่ามีงานอีกมากที่ต้องทำในแง่ของความเป็นเอกภาพด้านเชื้อชาติ
ในการประชุมประจำเดือนกับเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกฯ ดร.มหาเธร์ระบุว่า มาเลเซียไม่สามารถอ้างตัวได้ว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จหากยังมีการทอดทิ้งพลเมืองบางกลุ่มไว้เบื้องหลัง
“ ไม่มีประโยชน์ที่จะเป็นประเทศร่ำรวย หากความมั่งคั่งไม่ได้ถูกแบ่งปัน หรือมีแต่การหยิบยื่นให้กับคนเพียงกลุ่มเดียว” สื่อ Malaysian Insight ยกคำพูดของเขามารายงาน “ เราต้องแบ่งปันสิ่งที่เรามีด้วยกัน เพราะเราไม่ต้องการเป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ไม่สามารถดูแลคนกลุ่มน้อยได้ ” โดยดร.มหาเธร์เสริมว่า ประเทศที่มีความไม่เสมอภาคอย่างชัดเจนระหว่างคนรวยและคนจน มักจะจบลงด้วยเหตุจลาจล
“ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจำเป็นต้องมุ่งแก้ปัญหาความยากจนของคนทุกเชื้อชาติ ” เขากล่าว
“ มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะกำหนดว่าเราได้กระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียม หรืออย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่ทุกชุมชนในประเทศยอมรับได้ ” นายกฯมหาเธร์กล่าว
ปัจจุบัน พลเมืองเชื้อชาติมาเลย์ และกลุ่มชนพื้นเมือง ที่เรียกว่าภูมิบุตร หรือบุตรของแผ่นดิน มีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมดในมาเลเซีย
ภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศ ที่ร่างโดยบรรดาผู้นำในองค์กรมาเลย์แห่งชาติในปี 2514 (หลังจากเกิดจลาจลด้านเชื้อชาติในปี 2512 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย) ทำให้กลุ่มภูมิบุตรได้ผลประโยชน์ เช่น ซื้อบ้านราคาถูกกว่า ได้โควต้าทุนการศึกษาในมหาวิทยาลัย ทำสัญญารับเหมากับรัฐบาล และหุ้นได้เข้าตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ นายกฯมหาเธร์เองเคยเป็นคนที่ใช้นโยบายภูมิบุตรอย่างเข้มข้นในสมัยที่เขาเป็นนายกฯในสมัยแรกที่ยาวนานกว่า 20 ปี
ในการกล่าวในที่ประชุมเมื่อวันที่ 14 ม.ค.นายกฯมหาเธร์ระบุว่า “ เราสืบทอดสถานการณ์ที่ว่าชาติของเรามีหลายเชื้อชาติ เราพบว่าในปัจจุบัน เชื้อชาติเหล่านี้ไม่เคยเป็นเอกภาพอย่างที่เราหวัง ”
เขากล่าวว่า เมื่อมาเลเซียเป็นประเทศที่มีเอกราช ก็หวังว่าประเทศจะมีประชาชนที่พูดภาษาเดียวกัน มีวัฒนธรรมเดียวกันและอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ แต่เพราะบางเชื้อชาติอยากจะคงความสัมพันธ์กับมาตุภูมิ เรายอมรับความจริงที่ว่าประเทศของเราจะไม่เป็นชาติที่ซึ่งทุกคนมาจากเชื้อชาติเดียว ” สื่อ Malay Mail ยกคำพูดของนายกฯ มหาเธร์มารายงาน
โดยเขาระบุว่า มาเลเซียได้เรียนรู้อย่างมากจากเหตุจลาจลในปี 2512 “ การจลาจลไม่ให้ประโยชน์กับใคร นี่เป็นประวัติศาสตร์ของเรา เราตระหนักว่ามีความสำคัญเพียงใดที่ทุกเชื้อชาติจะร่วมมือกัน ”
เขากล่าวว่า หากสามเชื้อชาติหลักในมาเลเซีย ร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ในรัฐซาบาห์ และรัฐซาราวัก สามารถรวมกันเพื่อทำงาน ใช้ชีวิต และเล่นด้วยกัน ประเทศจะยิ่งมีความก้าวหน้ามากขึ้น
“ นานเท่าที่เราจำได้ ประวัติศาสตร์และการต่อสู้ที่ประเทศของเราผ่านมา ประเทศของเราจะมีความสงบสุขต่อไป ”
ความกังวลเกี่ยวกับความแตกแยกทางเชื้อชาติมีขึ้นหลังเกิดเหตุจลาจลที่วัดฮินดูในรัฐสลังงอร์ รวมถึงการต่อต้านการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการกำจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ โดยมีการเดินขบวนประท้วงในเขตเมืองของกรุงกัวลาลัมเปอร์
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ดร.มหาเธร์ระบุว่าา รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับทุกศาสนา หลังการประชุมกับสมาชิกของ Malaysian Consultative Council ที่ประกอบด้วยศาสนาพุทธ คริสต์ ฮินดู ซิกข์ และเต๋า.